กฎแห่งการรู้ทันความปรุงแต่งของจิต :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 25 ต.ค. 2567
Ringkasan
TLDRบทปราศรัยของพระอาจารย์สอนเกี่ยวกับวิธีการฝึกจิตเพื่อพัฒนาสติและปัญญาอย่างถูกต้อง โดยการรู้สึกตัวตลอดเวลาไม่ปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปตามอารมณ์หรือสิ่งล่อใจภายนอก การฝึกจิตประกอบด้วยการรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นในใจโดยไม่เข้าไปแทรกแซงหรือปรุงแต่ง ตัวอย่างเช่น เมื่อตระหนักถึงความโกรธให้รับรู้อย่างที่มันเป็น การปฏิบัติตามกฎ 3 ข้อจะช่วยให้เราเห็นความจริงของจิตตามที่มันเป็น รวมถึงการไม่เพ่งหรือจ้องดูจิตใจแต่ให้เป็นแค่ผู้สังเกตการณ์จากภายนอก ปฏิบัติให้ถูกต้องตามวิธีทำให้เราเกิดปัญญาเห็นความจริงของจิตใจได้ง่ายขึ้น.
Takeaways
- 🧘 การฝึกปฏิบัติธรรมไม่ควรเป็นแค่การนั่งอย่างว่างเปล่า แต่ควรฝึกจิตพร้อมกับสติรู้ตัวอยู่เสมอ
- 🧠 จิตมีแนวโน้มที่จะหลงไปตามความเคยชิน จึงจำเป็นต้องฝึกฝนให้รู้สึกตัวและรู้ทัน
- 🔄 ความรู้สึกตัวเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติสำคัญที่สุดในการฝึกจิต
- 😌 ศัตรูของการรู้สึกตัวคือความหลงและการเผลอใจ
- 🎧 ทุกอย่างที่สัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ล้วนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของจิต
- 👀 ปฏิบัติธรรมมุ่งหมายให้ดูจิตใจตัวเองไม่ใช่บังคับหรือปรุงแต่งให้เกิด
Garis waktu
- 00:00:00 - 00:05:00
พระอาจารย์เน้นให้ฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง สำคัญที่สุดคือความรู้สึกตัว หากไม่รู้สึกตัว การปฏิบัติธรรมจะไม่ได้ผล ควรปฏิบัติด้วยสติรู้ตัวเสมอ จิตตามเคยชินไปหลง จึงต้องหัดรู้สึกตัวใหม่ จิตรู้สึกตัวเป็นมูลฐานสำคัญ
- 00:05:00 - 00:10:00
การรู้สึกตัวไม่ใช่การบังคับตนเอง ต้องฝึกให้รู้สึกตัวโดยธรรมชาติเสมอ ศัตรูของความรู้สึกตัวคือความหลง อย่าลืมรู้ทันจิตในปัจจุบัน ไม่หลงไปในอดีตหรืออนาคต ต้องรู้ความเปลี่ยนแปลง
- 00:10:00 - 00:15:00
ควรฝึกให้รู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจิตเมื่อเผชิญสิ่งกระทบ ฝึกให้รู้การหลงของจิตในอดีตที่ผ่านมาและรู้ถึงธรรมชาติของจิต ไม่ต้องไปดักดูความรู้สึกต่าง ๆ แต่ให้รู้เมื่อมันเกิด
- 00:15:00 - 00:20:00
การดูจิตควรรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น ต้องดูว่าใจเรามีความสุขหรือทุกข์ รู้สถานะความเป็นจริงซึ่งจะทำให้เข้าใจสภาพจิตใจ การเข้าใจนี้จะทำให้เกิดปัญญา
- 00:20:00 - 00:25:00
การเฝ้าดูควรเฝ้าดูอย่างไม่มีส่วนได้เสีย เป็นการดูปรากฏการณ์เหมือนคนวงนอก ฝึกดูให้อยู่ในกฎสาม ซึ่งจะทำให้เห็นสภาพจิตตามที่เป็นจริง
- 00:25:00 - 00:30:00
นักปฏิบัติไม่ควรไปแก้ไขหรือดักดูจิต ให้รู้สึกตามธรรมชาติ ดูเหมือนการเฝ้าดูที่ไม่แทรกแซง จะเห็นความปรุงแต่งของจิตได้ง่ายขึ้น ปล่อยให้ธรรมชาติเป็นไปตามปกติ
- 00:30:00 - 00:35:00
เมื่อเรารู้ทันความรู้สึกที่เกิด จะเห็นความจริงในสภาวะนั้น สิ่งนี้นำไปสู่ความเป็นกลางของจิต เกิดจากการฝึกที่จะรับรู้ตามที่เป็น ไม่ปรุงแต่งเพิ่ม
- 00:35:00 - 00:44:20
การเห็นตามธรรมชาติของจิตจะทำให้การรู้จิตใจง่ายขึ้น เริ่มต้นจากการฝึกตนเองให้รู้สึกในสามช่วง คือ ก่อน ระหว่าง และหลังเมื่อมีอารมณ์เกิด และฝึกให้เห็นจิตตามที่เห็นจริงเป็นข้อที่สอนให้มั่นใจเมื่อฝึกปฏิบัติ
Peta Pikiran
Pertanyaan yang Sering Diajukan
การรู้สึกตัวคืออะไร?
การรู้สึกตัวคือการมีสติรู้ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ หรือสิ่งที่รับรู้ทางประสาทสัมผัสอื่นๆ โดยไม่หลงตามไปกับสิ่งเหล่านั้น.
ทำไมการรู้สึกตัวถึงสำคัญ?
การรู้สึกตัวสำคัญเพราะเป็นฐานะในการฝึกจิตใจ ไม่ให้หลงไปตามอารมณ์หรือความรู้สึก และช่วยให้จิตใจพัฒนาสู่ความเป็นกลาง.
ควรทำอย่างไรเมื่อเผลอตามอารมณ์ไปแล้ว?
เมื่อเผลอตามอารมณ์ไป ให้กระตุ้นสติรู้ทันว่าเผลอไปแล้ว โดยไม่ต้องโกรธหรือเกลียดตัวเอง.
ความหมายของวิปัสสนากรรมฐานคืออะไร?
วิปัสสนากรรมฐานคือการฝึกสติและปัญญาให้เห็นความจริงของสภาวธรรมตามที่มันเป็น โดยไม่เข้าไปปรุงแต่งจิตใจ.
สมถกรรมฐานต่างจากวิปัสสนากรรมฐานอย่างไร?
สมถกรรมฐานเน้นที่การทำจิตให้สงบด้วยการกำหนดรู้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้เกิดความตั้งมั่น ส่วนวิปัสสนากรรมฐานเน้นการเห็นความจริงของสภาวะที่เกิดขึ้นในจิตใจขณะนั้น.
Lihat lebih banyak ringkasan video
ทุกเรื่องที่ต้องรู้ของ AI กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก (รวมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญในไทย)
วัยรุ่นไทย คิดอะไรอยู่
สล็อตซอมบี้ ทุน1700 กำไร50k บวกสะบัด จ่าย700เท่า!! | Zombie outbreak สล็อต สล็อตเว็บตรง สล็อตpg
สังคมศึกษา ม.5 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ
กฎแห่งการรู้ทันความปรุงแต่งของจิต :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 25 ต.ค. 2567
ทุกเรื่องที่ต้องรู้ของ AI กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก (รวมมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญในไทย)
- 00:00:02ให้เร็วไป 5
- 00:00:08นาทีเวลานั่งรอฟังธรรมนะอย่านั่งเปล่า
- 00:00:13ๆนั่งปฏิบัติเรื่อยๆต้องฝึกตัวเองให้ชิน
- 00:00:18ที่จะ
- 00:00:20ปฏิบัติแต่ในแต่ไมาเราเคยชินที่จะ
- 00:00:25หลงตั้งแต่เกิดมาแล้วก็เกิดมากับความหลง
- 00:00:31งั้นจิตเโดยธรรมชาตินะก็จะหลงเพราะจิตมัน
- 00:00:36ย่อมเป็นไปตามความเคยชินเสมอละเราต้องมา
- 00:00:40หัดจิตซะ
- 00:00:43ใหม่ไม่ได้ให้มันหลงไปเรื่อยๆตามใจมันยาม
- 00:00:50หัดรู้สึกตัวไว้
- 00:00:52นะั้นความรู้สึกตัวเเป็นจุดตั้งต้นของการ
- 00:00:57ปฏิบัติแล้วก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุดนะ
- 00:01:01สำหรับการ
- 00:01:04ปฏิบัติถ้าเราไม่รู้สึกตัวใจร้อยตลอด
- 00:01:09เวลาเราปฏิบัติธรรมไม่ได้
- 00:01:12จริงอย่างเราไปนั่งกันสมาธินะใจเคลิ้มๆ
- 00:01:17ลืมเนื้อลืมตัวไม่มีสติไปนอนซะดีกว่าเสีย
- 00:01:23เวลา
- 00:01:24นั่งเราต้องพยายามรู้สึกตัวให้ได้เรื่อยๆ
- 00:01:29นะ
- 00:01:30ศัตรูของความรู้สึกตัวก็คือความไม่รู้สึก
- 00:01:33ตัวความหลงความ
- 00:01:37เผลอใจของเราก็จะเผลอทั้ง
- 00:01:41วันเห็นคนเดินมาเราไปดูเนะเราก็เผลอไป
- 00:01:46ดูได้ยินเสียงอะไรนะเราตั้งใจไปฟังนะเรา
- 00:01:50ก็เผลอไปฟังได้กลิ่นได้รสได้สัมผัสทางกาย
- 00:01:55นะใจเราก็เผลอไปรู้สิ่งที่มาสัมผัส
- 00:02:00ใจเราคิดมันก็เพลินไปกับความคิดคิดเรื่อง
- 00:02:04โน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆอันนี้เรียกว่าเรา
- 00:02:08หลง
- 00:02:09อยู่ในโลกไม่มีคนรู้สึกตัวนะนอกจากคนที่
- 00:02:13ได้
- 00:02:15ฝึกเกือบทั้งหมดก็คืออยู่กับความหลงเกิด
- 00:02:19มากับความหลงดำรงชีวิตอยู่กับความหลงแล้ว
- 00:02:24ก็ตายไปพร้อมๆกับความหลงสังสารวัฏมันเลย
- 00:02:28ไม่จบไม่ซื่นทีมันก็เวียนว่ายไตเกิดไป
- 00:02:33ด้วยกำลังของความ
- 00:02:35หลงเราจะตัดสังสารวัฏนี้ให้ขาดนะด้วยความ
- 00:02:40รู้สึก
- 00:02:43ตัวการรู้สึกตัวไม่ใช่การบังคับตัวเองนะ
- 00:02:48ความรู้สึกตัวไม่ใช่บังคับตัวเองให้ใจ
- 00:02:51อยู่นิ่งๆอะไรเงี้ยไม่
- 00:02:57ใช่นักปฏิบัติกับคนไม่ให้ปฏิบัติหน้าต่าง
- 00:03:00กันนิด
- 00:03:02เดียวคนที่ไม่ได้ปฏิบัตินะเมีตาเก็เห็น
- 00:03:06รูปมีหูเขาก็ได้ยินเสียงมีจมูกเขาก็ได้
- 00:03:10กลิ่นมีลิ้นเขาก็รู้รสมีร่างกายเขาก็
- 00:03:14สัมผัสความเย็นความร้อนความอ่อนความแข็ง
- 00:03:17อะไรพวก
- 00:03:18เมีสัมผัสนะมีใจเขก็
- 00:03:23คิดนักปฏิบัติก็มีสิ่งเดียวกันเพเรามีตา
- 00:03:28มีหูมีจมูกมีลิ้นมีกายมีใจเหมือนคนที่ไม่
- 00:03:32ได้ปฏิบัตินั่นแหละแต่คนที่ไม่ปฏิบัตินะ
- 00:03:36พอตาเเห็นรูปนะเไปสนใจอยู่ที่รูปที่ตามอง
- 00:03:42เห็นเวลาเขาได้ยินเสียงเไปสนใจกับเสียง
- 00:03:46ที่ได้
- 00:03:47ยินเวลาจมูกเขาได้กลิ่นนก็ไปสนใจว่านี่
- 00:03:51มันกลิ่นอะไรกลิ่นนี้หอมกลิ่นนี้เหม็นน่ะ
- 00:03:54ถ้าเหม็นๆเหม็นแบบไหนเหม็นแบบขยะหรือ
- 00:03:58เหม็นแบบซากสัตว์มาตายอะไรเใจมันจะสนใจ
- 00:04:02ออกไปข้างนอกอย่างเงี้ยนะือใจมันคิดเก็
- 00:04:06รู้เรื่องที่คิดบ้างไม่รู้บ้างเวลาหลงคิด
- 00:04:11ใช่มั้ยบางทีเราก็คิดรู้เรื่องทีก็ไม่รู้
- 00:04:14เรื่องที่
- 00:04:16คิดเราต่างกับเนิดเดียวนะเพะตาเราเห็นรูป
- 00:04:21เนี่ยแทนที่จะไปอยู่ที่รูปที่มองเห็นนะ
- 00:04:25ย้อนกลับมาที่กายที่ใจของตัวเอง
- 00:04:30อย่างเรา
- 00:04:31เห็นคนที่เราเกลียดนะเดิน
- 00:04:34มาท่าทางจะมาเอาเรื่องกับเรา่มาชกต่อยกับ
- 00:04:39เราเใจเราเกิดโทสะเกิดโมโหแล้วคนนี้มัน
- 00:04:46เกเรเรารู้ว่าใจเรา
- 00:04:50โมโหใจเรากลัวมันถือมีดมาด้วยเรากลัวรู้
- 00:04:54ว่ากลัวเนี่ยเราต่างกับคนที่ไม่ปฏิบัติ
- 00:04:59นิดเดี๋ยวคนไม่ปฏิบัติเห็นคนถือมีดมาก็ไป
- 00:05:03มองเฉพาะไอ้คนที่ถือมีดมันไม่ย้อนเข้ามา
- 00:05:07อ่านที่ใจตัว
- 00:05:10เองเวลาได้ยินเสียงได้กลิ่นได้รสได้
- 00:05:13สัมผัสทางร่างกายได้คิดนึกทางใจก็เหมือน
- 00:05:17กันคนทั่วไปมันก็ออกไปข้างนอกนะไปสนใจ
- 00:05:21อยู่ที่เสียงที่กลิ่นที่รสอะไรเงี้ยนัก
- 00:05:25ปฏิบัตินะหูเราก็มีเราก็ได้ยินเสียง
- 00:05:28เหมือนที่คนไม่ได้ปฏิบัติเได้ยินนั่นแหละ
- 00:05:31อย่างเราได้ยินเสียงเพลงในเพลงนี้เราเคย
- 00:05:35ฟังแม่เราร้องไห้ฟังตอนเด็กๆนะพอเราได้
- 00:05:39ยินแล้วคิดถึงอดีตนะใจเราก็คิดหวนไปหา
- 00:05:44อดีตนะรู้สึกมีความสุขเเราก็รู้ว่าใจเรา
- 00:05:49หลงไปอดีตละใจเรามีความสุขเกิดขึ้นเรารู้
- 00:05:52ว่ามีความ
- 00:05:54สุขบางเพลงเราได้ยินเสียงนะเราอกหักได้
- 00:05:59ได้ยินเสียงเพลงเใจเราเศร้าเราก็รู้ว่าใจ
- 00:06:03เราเศร้าเคนที่อกหักนะได้ยินเสียงเพลง
- 00:06:07เศร้าๆนะยิ่งเศร้าหนักใหญ่นะบางทีร้องห่ม
- 00:06:11ร้องไห้บางคนไปฆ่าตัวตายเลยเราต่างกับคน
- 00:06:15ที่ไม่ภาวนานิดเดียวเอง่ะเราได้ยินเสียง
- 00:06:18เพลงแล้วใจเราเศร้าเรารู้ทันว่าใจเรา
- 00:06:21เศร้านะเฝึกหัดรู้ย้อนกลับเข้ามาที่จิตใจ
- 00:06:26ของเรา
- 00:06:27เองแล้วเราจะจะเห็นว่าจิตใจของเรานั้นน่ะ
- 00:06:31มันปรุงแต่งทั้งวันเดี๋ยวก็ปรุงสุขเดี๋ยว
- 00:06:35ก็ปรุงทุกข์เดี๋ยวก็ปรุงดีเดี๋ยวก็ปรุง
- 00:06:39ชั่วย้อนกลับมาคอยอ่านที่ใจเรานะใจเราจะ
- 00:06:44เปลี่ยนแปลงเสมอเมื่อมีการกระทบอารมณ์ทาง
- 00:06:49ตาหูจมูกลิ้นกายใจจิตใจเราจะเปลี่ยนแปลง
- 00:06:53ให้เรามีสติรู้ทันความเปลี่ยนแปลงของจิต
- 00:06:57ใจไปเรื่อยๆนะไม่ใช่เรื่องยากบางคนบอกว่า
- 00:07:01เฮ้ยทำไมหลวงพ่อสอนยากจังเลยนะถ้าสอนให้
- 00:07:06ไปดูอะไรต่ออะไรนะไม่ยากนะสอนให้ย้อนมา
- 00:07:10อ่านจิตใจตัวเองยากมันจะยากยังไงนะมันไม่
- 00:07:15ได้ยากอะไรหรอกนะอย่างใจเรามีความสุขเรา
- 00:07:20ก็รู้ว่ามีความสุขมันจะยากอะไรคนที่มันดู
- 00:07:24จิตใจตัวเองไม่ออกเพราะมันลืมมันหลงมันม
- 00:07:28สนใจของข้างนอกนะถ้าเราสังเกตใจของเรา
- 00:07:33เรื่อยๆเราจะเห็นเตอนนี้ใจเราสุขหรือใจ
- 00:07:36เราทุกข์เนี่ยไม่ใช่เรื่องยากที่จะรู้นะ
- 00:07:40ตอนนี้ใจเราดีเป็นบุญเป็นกุศลหือตอนนี้ใจ
- 00:07:44เรามีกิเลสนนะไม่ใช่เรื่องยากอย่างใจเรา
- 00:07:48มีความโกรธเกิดขึ้นเนี่ยเรารู้ว่าตอนนี้
- 00:07:51กำลังโกรธนะรู้ซื่อๆรู้ง่ายๆเงี้ยไม่เห็น
- 00:07:55จะยากตรงไหนเลยคนทั่วไปมันละเลยที่จะรู้
- 00:07:59เท่านั้นเองไม่ใช่รู้ไม่ได้นะแต่ไม่สนใจ
- 00:08:02ที่จะรู้ยงเวลาโกรธนะก็จะไปดูคนที่ทำให้
- 00:08:06โกรธไม่ได้มองตัวเองว่าใจกำลังโกรธ
- 00:08:11อยู่งั้นการปฏิบัตินะอย่าลืมคอยรู้สึกตัว
- 00:08:15ไว้เราก็อ่านจิตอ่านใจของตัวเองไปเรื่อยๆ
- 00:08:20จิตใจเราก็จะพัฒนาเป็นลำดับลำดับไปี่การ
- 00:08:25อ่านจิตใจตัวเองนะเต้องมีหลักที่ดี
- 00:08:30ก็คือจิตเราเป็นยังไงรู้ว่าเป็นอย่างงั้น
- 00:08:33อย่าไปดัดแปลง
- 00:08:34จิตจิตเรามันมีธรรมชาติคิดนึกปรุงแต่งก็
- 00:08:39ให้มันคิดนึกปรุงแต่งไปไม่ห้ามนะอยากคิด
- 00:08:43อะไรก็ช่างมันนะแต่รู้ว่ามันลงไปคิดละคย
- 00:08:48รู้ทันเท่านั้นนะไม่ต้องไปห้ามมันห้ามมัน
- 00:08:51ก็จะเครียดใช้ไม่
- 00:08:53ได้งั้นจิตมันหลงไปทางตาหูจมูกเล่นไกใจ
- 00:08:57รู้ไปเรื่อยๆไม่ว่ามันนะกระทบอารมณ์แล้ว
- 00:09:01เกิดสุขเกิดทุกข์เกิดกุศลอกุศลให้รู้มัน
- 00:09:04อันนี้เรเรารู้ทันความปรุงแต่งของ
- 00:09:08จิตการรู้ทันความปรุงแต่งของจิตนะมันมีกฎ
- 00:09:13อยู่ 3 ข้อที่จะทำให้เรารู้ทันความปรุง
- 00:09:17แต่งของจิตได้จริง
- 00:09:18ๆข้อที่ 1 ก็คือให้ความรู้สึกทั้งหลาย
- 00:09:22เกิดขึ้นก่อนแล้วเราค่อยรู้ว่ามันเกิด
- 00:09:26ขึ้นแล้วนะให้มันโกรธก่อนแล้วก็รู้ว่ามัน
- 00:09:32โกรธให้มันโลภไปก่อนแล้วรู้ว่ามันโลภให้
- 00:09:35มันหลงไปมันใจลอยไปหลงไปก่อนแล้วก็ให้รู้
- 00:09:39ว่าเมื่อกี้หลงไปละมันจะมีคำว่าเมื่อกี้
- 00:09:42เมื่อกี้เมื่อกี้นะการดูจิตดูใจคือให้
- 00:09:46สภาวะที่เกิดขึ้นกับจิตใจเเกิดขึ้นไปตาม
- 00:09:50ธรรมชาติพอมันเกิดแล้วเราก็ค่อยรู้เอา
- 00:09:55อย่างเหมือนโกรธรู้ว่าโกรธมันโลภรู้ว่า
- 00:09:58โลภมันลงหรู้ว่าลงนะนี่คือกฎข้อแรกของการ
- 00:10:03ที่เราจะดูจิตดูใจตัวเองให้ถูกต้องดูแล้ว
- 00:10:08จะเห็นความจริงของจิตใจได้ก็คือให้สภาวะ
- 00:10:14ทั้งหลายนะเกิดขึ้นซะก่อนแล้วเราค่อยรู้
- 00:10:17ทันสภาวะเช่นจิตใจเรามีความสุขรู้ว่ามี
- 00:10:22ความสุขจิตใจเรามีความทุกข์รู้ว่ามีความ
- 00:10:25ทุกข์นะให้ความสุขเกิดก่อนแล้วเรารู้ว่า
- 00:10:28มันสุขให้มันทุกข์ก่อนแล้วรู้ว่ามันทุกข์
- 00:10:31นะใจเป็นกุศลอยากฟังธรรมเใจเป็นกุศลรู้
- 00:10:36ว่าตอนเนี้ใจเป็นบุญเป็น
- 00:10:39กุศลใจที่เป็นกุศลมันจะมีลักษณะเบานะอ่อน
- 00:10:44โยนนุ่มนวลว่องไวไม่เซื่องซึมไม่หนักแน่น
- 00:10:48แข็งซึม
- 00:10:49ทื่อใจที่เบิกบานรู้ตื่นเบิกบานนะเให้
- 00:10:55ความรู้สึกทั้งหลายเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อย
- 00:10:57รู้ว่าจิตใจเราเป็นยัง
- 00:11:00ไงจิตใจเกิดความสุขรู้ว่ามีความสุขนะความ
- 00:11:05สุขเกิดก่อนนะเรารู้ความทุกข์เกิดแล้วก็
- 00:11:08รู้กุศลเกิดแล้วก็รู้ความโลภเกิดขึ้นแล้ว
- 00:11:13ก็รู้ว่ามันโลภความโกรธความหลงเกิดขึ้น
- 00:11:17เราก็รู้ว่ามันหลงมันโกรธมันหลงนะเพราะ
- 00:11:21งั้นเรารู้ไปสบายๆนะอย่าไปดัก
- 00:11:28ดูนักปฏิบัตินะที่ดูจิตไม่สำเร็จเนี่ย
- 00:11:32เพราะไม่ได้ปล่อยให้ความรู้สึกเกิดขึ้น
- 00:11:34แล้วรู้แต่ไปคอยรอดูไปดักดูว่าบางคนก็
- 00:11:40นั่งเฝ้าอยู่ที่จิตนะนั่งจ้องไม่กระพริบ
- 00:11:44สายตาแล้วจ้องดูซิจะมีความรู้สึกอะไรเกิด
- 00:11:49ขึ้นเมื่อไหร่ความสุขจะเกิดนะเมื่อไหร่
- 00:11:52ความทุกข์จะเกิดนะเมื่อไหร่ความโลภโกรธลง
- 00:11:56จะเกิดนะอันนี้ไม่ได้เรื่องอะไรเลยนะ
- 00:11:59ไปดักดูนะการไปดักดูเนี่ยมันจะทำให้จิตใจ
- 00:12:04มันนิ่งๆนะไปจ้องไว้เงี้ยมันก็นิ่งไปหมน
- 00:12:09ไม่เคลื่อนไหวหรอกนะเหมือนเราแถววัดหลวง
- 00:12:12พ่อนะมันมีตัวแย้อยู่ในรูมันขุดดินอยู่นะ
- 00:12:18ตัวมันคล้ายๆกิ้งกาอะไรเงี้ยมันอยู่ใน
- 00:12:22ดิน
- 00:12:24เวลาเงียบๆนะมันก็ขึ้นมาจากรูแต่ถ้ามีใคร
- 00:12:29ไปจ้องมันอยู่หรือหมาไปเฝ้าอยู่ปากรูเี้
- 00:12:32มันก็ไม่ขึ้นมานะตัวความรู้สึกต่างหลาย
- 00:12:36ทั้งหลายก็เหมือนกันนะถ้าเราไปจ้องอยู่นะ
- 00:12:38มันจะเฉยๆไม่ผลขึ้นมาให้เราเห็นหรอกแต่
- 00:12:42ถ้าเราไม่ไปนั่งเฝ้านั่งจ้องนะกระทบ
- 00:12:45อารมณ์ตามธรรมดากระทบแล้วก็ให้จิตใจทำงาน
- 00:12:49ธรรมดานะมันก็จะเกิดสุขเกิดทุกข์เกิดดี
- 00:12:53เกิดชั่วผุดขึ้นมาไอ้ตัวแยมันผุดขึ้นจาก
- 00:12:57ดินนะแต่ความรู้สึกของเราเมันจะผุดขึ้น
- 00:13:02จากกลางอกของเราจะผุดขึ้นมาจากกลางหน้าอก
- 00:13:05เยังเวลาโกรธมันจะผุดขึ้นมาโลภมันก็ผุด
- 00:13:10ขึ้นมาสุขทุกข์อะไรเก็ผุดขึ้นมาจากกลาง
- 00:13:13หน้าอกนั้นเองนะเราอย่าไปจ้องบางคนไปรอดู
- 00:13:18อยู่ที่จ้องอยู่ที่กลางเกลางหน้าอกฮอัน
- 00:13:22นี้ก็เหมือนคนจะจับตัวแย่แล้วไปจ้องอยู่
- 00:13:25ที่ปากหรูมันไม่ขึ้นมามันเฉยๆนะเพราะงั้น
- 00:13:28ต้องต้องเป็นธรรมชาติจริงๆนะตาหูจมูกิ้น
- 00:13:32ไกใจกระทบอารมณ์ก็ไม่ว่ามันกระทบไปกระทบ
- 00:13:36แล้วจิตจะปรุงดีก็ได้จะปรุงร้ายก็ได้ไม่
- 00:13:40จำเป็นต้องดีเสมอไปชั่วก็ได้นะแต่ว่าพอ
- 00:13:45มันปรุงชั่วมันลอบโกรธลงขึ้นมานะแล้วเรา
- 00:13:48ก็มีสติรู้ไวๆหน่อยถ้าประเภทเมื่อวานโกรธ
- 00:13:53วันนี้รู้ว่าโกรธนี้ใช้ไม่ได้นะนานไปนะ
- 00:13:56อย่างเมื่อวานรู้ว่าตัวแยกขึ้นมาจากรู
- 00:14:00เงี้ยไม่มีประโยชน์เลยจับมันไม่ได้เพราะ
- 00:14:03มันเป็นอดีตไปหมด
- 00:14:05ละคอยรู้อยู่นะเฝ้ารู้สบายๆให้ตาหูจมูก้น
- 00:14:12กายใจกระทบอารมณ์ไปพอกระทบแล้วมีความรู้
- 00:14:15สึกเกิดขึ้นค่อยรู้เอาอย่าไปดักดูอย่าไป
- 00:14:19รอดูนะถ้าไปคอยจ้องมันจะไม่มีอะไรโผล่มา
- 00:14:24ให้ดูหรอกนะนี่ข้อที่ 1 นะให้ความรู้สึก
- 00:14:29เกิดแล้วค่อยรู้อย่าไปรอดูอย่าไปจ้องนะ
- 00:14:33ข้อที่ 2 ก็คือระหว่างรู้สมเราเห็นกิเลส
- 00:14:37ผุดขึ้นมาละไม่ต้องหาทางละนะรู้อย่างที่
- 00:14:41มันเป็นไม่ต้องพยายามเข้าไปแก้ไขรู้แบบขน
- 00:14:46มงนอกรู้ห่างๆรู้แบบไม่มีส่วนได้เสีย
- 00:14:50อย่างความสุขเกิดขึ้นนะรู้ห่างๆหมายถึง
- 00:14:53ว่าไม่ต้องไปดีใจจกับมันนะมีความสุขเกิด
- 00:14:58ขึ้นแล้วหลงชอบไอ้นี้ผิดละเราหลงอีกรอบะ
- 00:15:02คือหลงไปชอบความสุขที่เกิดขึ้นความทุกข์
- 00:15:06เกิดขึ้นนะเราหลงเกลียดมันอยากให้มันหาย
- 00:15:09นะอันเนี้ยเรารู้ด้วยความไม่เป็นกลางนะ
- 00:15:12ใช้ไม่ได้เพราะงั้นเวลาความรู้สึกเกิด
- 00:15:16ขึ้นนะให้เรารู้รู้แบบไม่มีส่วนได้เสีย
- 00:15:20เราเห็นความโกรธเกิดขึ้นในใจเราเหมือน
- 00:15:23เห็นคนอื่นโกรธคนอื่นโกรธไม่เกี่ยวอะไร
- 00:15:26กับเราเราเป็นแค่คนเห็นเท่านั้นเองนะเพะ
- 00:15:29งั้นเราจะต้องฝึกตัวเองให้เป็นคนเห็นที่
- 00:15:33แทจริงไม่ใช่คนเข้าไปแทรกแซงนะเราดูแบบคน
- 00:15:38วงนอกนะใจเราสุขเราก็เห็นมันมีความสุข
- 00:15:41เหมือนกับเห็นคนอื่นเขามีความสุขเราเป็น
- 00:15:44แค่คนเห็นใจมันมีความทุกข์เราก็เห็น
- 00:15:48เหมือนเห็นคนอื่นทุกข์นะเราเป็นแค่คนรู้
- 00:15:51เท่านั้นเองว่าอ้อตอนนี้ไตัวเนี้ยนายคน
- 00:15:55เนี้ยมันทุกข์ละดูตัวเองเหมือนดูคนอื่น
- 00:15:58น่ะดูให้ดีนะดูตัวเรานะดูร่างกายเรา
- 00:16:02เหมือนดูร่างกายคนอื่นทำความรู้สึกในใจนะ
- 00:16:05เหมือนเราดูคนอื่นเวลาความรู้สึกในใจเกิด
- 00:16:09ขึ้นเราก็ดูเหมือนความรู้สึกของคนอื่นนะ
- 00:16:12เราไปดูแบบคนมุงนอกไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของ
- 00:16:16เราเราเป็นแค่คนรู้คนเห็นนะนี่คือข้อที่ 2
- 00:16:20นะเวลาดูเนี่ยดูห่างๆอย่าเข้าไปคลุกวงใน
- 00:16:24ดูแบบคนวงนอกนะเวลาดูแบบคนวงนอกนเราจะไม่
- 00:16:29มีส่วนได้เสียด้วยนะเพราะงั้นอย่างความ
- 00:16:33สุขเกิดขึ้นก็แค่รู้ว่ามีความสุขนะไม่ได้
- 00:16:36ไปหลงดีใจกับมันความทุกข์เกิดขึ้นก็แค่
- 00:16:39รู้ว่ามีความทุกข์ไม่ได้ไปหลงเสียใจกับ
- 00:16:42มันหรือโกรธกับมันเกลียดกับมันนะเพงั้น
- 00:16:46เราดูเหมือนเป็นคนอื่นน่ะดูร่างกายเหมือน
- 00:16:49ดูคนอื่นดูจิตใจเหมือนดูคนอื่น
- 00:16:52ไปกฎข้อที่ 1 ให้ความรู้สึกเกิดแล้วค่อย
- 00:16:56รู้เอาอย่าไปรอดูกฎข้อที่ 2 เวลาดูเนี่ย
- 00:17:01ดูแบบคนวงนอกนะไม่เข้าไปคลุกวงในอย่างนัก
- 00:17:06มวยนะเชกกันนะตัวนักมวยเวลาขึ้นไปชกนงง
- 00:17:11ข่าศึกคู่ต่อสู้ชกมาไงนะแก้ทางไม่ถูกไอคน
- 00:17:16ที่อยู่ข้างล่างนอกเวทีดูเี่เห็นชัดเอ้ย
- 00:17:19ต้องหลบอย่างนั้นสิต้องต่อยอย่างนี้สิ
- 00:17:21อะไรเงี้ยมเดูแบบคนวงนอกมันดูง่ายดูแล้ว
- 00:17:25ชัดเจนถ้าดูแบบกำลังเมาหมัดนะชกเพะเคมั่ว
- 00:17:29ไปหมดเลยนะดูทางมวยเไม่ออกบางทีนะเพเราดู
- 00:17:33แบบพวงบบคนมงนอกนะค่อยๆฝึกตัวเองในกฎข้อ
- 00:17:38ที่ 3 ก็
- 00:17:40คือหลังจากที่เราไปรู้อารมณ์แล้วเนี่ยถ้า
- 00:17:44จิตมันยินดีให้รู้ทันถ้าจิตมันยินร้ายให้
- 00:17:47รู้ทันนะเ 3 ข้อนะก็คือช่วงเวลา 3 ช่วง
- 00:17:52ของการ
- 00:17:53ปฏิบัติอันแรกที่บอกว่าอย่าไปดักดูอันนี้
- 00:17:57คือก่อนนะก่อนที่สภาวะจะเกิดเี่อย่าไป
- 00:18:01นั่งจ้องอันที่ 2 เขณะที่สภาวะเกิดนะดู
- 00:18:06เหมือนคนคนวงนอกไปดูนะอันที่ 3 เมื่อ
- 00:18:10สภาวะเกิดแล้วนะจิตมันยินดีให้รู้ทันจิต
- 00:18:15มันยินร้ายให้รู้ทันเพราะงั้นมันก็จะมี 3
- 00:18:18พีเรียดนะ 3 ช่วงเวลาก่อนที่จะกระทบนะ
- 00:18:24ก่อนที่อารมณ์มันจะเกิดระหว่างที่อารมณ์
- 00:18:27เกิดเมื่ออารมณ์นั้นเกิดขึ้นแล้วอันที่ 3
- 00:18:31นี้ก็คือเมื่ออารมณ์นั้นเกิดขึ้นแล้วนะ
- 00:18:34จิตเราก็มี
- 00:18:36ปฏิกิริยาเราไม่ต้องไปทำว่าจิตต้องเฉยๆ
- 00:18:40กระทบอารมณ์แล้วต้องเฉยๆนะห้ามดีใจห้าม
- 00:18:44เสียใจอะไรเงี้ยไม่ต้องห้ามถ้ามันกระทบ
- 00:18:48อารมณ์แล้วมันยินดีพอใจในอารมณ์อันนั้น
- 00:18:50ให้รู้ทันถ้ามันไม่พอใจมันไม่ชอบมัน
- 00:18:54เกลียดชังอารมณ์อันนั้นให้รู้ทันทันทีที่
- 00:18:58เรามีสติรู้ทันว่าตอนนี้ใจไม่ชอบเลยความ
- 00:19:02ไม่ชอบจะดับนะใจจะเป็นกลางหรือเรามีความ
- 00:19:07ชอบเกิดขึ้นนะเรามีสติรู้ทัน
- 00:19:10นะใจมันก็จะเป็นกลางนะเนี่ยที่เราฝึกนะ
- 00:19:14เราจะได้จิตจิตใจที่ตั้งมั่นแล้วก็เป็น
- 00:19:17กลางแล้วเดินปัญญาไปด้วยจิตใจที่เป็นกลาง
- 00:19:21เราต้องทำให้ถูกทั้ง 3 ระยะนะก่อนที่ความ
- 00:19:26รู้สึกจะเกิดอย่าไปดักดู
- 00:19:29ระหว่างที่ความรู้สึกเกิดนะดูแบบคนมงนอก
- 00:19:33ดูแบบเห็นคนอื่นน่ะเห็นร่างกายเหมือนคนคน
- 00:19:36คื่นเห็นความรู้สึกเหมือนเห็นความรู้สึก
- 00:19:39คนอื่นอันที่ 3 เมื่อเมื่อความรู้สึกมัน
- 00:19:43เกิดแล้วนะจิตยินดีให้รู้ทันจิตยินร้าย
- 00:19:48ให้รู้ทันพอจิตรู้ทันความยินดีรู้ทันความ
- 00:19:51ยินร้ายนะจิตจะเข้าสู่ความเป็นกลางโดย
- 00:19:55อัตโนมัตินะจิตจะเป็นกลางอัตโนมัตินะไม่
- 00:19:59ต้องพยายามทำความเป็นกลางให้เกิดขึ้นนะ
- 00:20:02ถ้าทำความเป็นกลางให้เกิดขึ้นเเราไปแทรก
- 00:20:04แซงจิตละเราไปปรุงแต่งจิตละงั้นเราพยายาม
- 00:20:09ทำตามกฎ 3 ข้อเนี้ยแล้วเราจะสามารถเห็น
- 00:20:14สภาวะทั้งหลายของจิตใจเนี่ยตามความเป็น
- 00:20:17จริงได้
- 00:20:20นะมีจุดหนึ่งที่อยากให้สังเกตก็คือคน
- 00:20:26ปฏิบัติเนี่ยส่วนใหญ่นะไม่ค่อยเห็นความ
- 00:20:30ปรุงแต่งของจิตแต่จะไปตั้งหน้าตั้งตาปรุง
- 00:20:35แต่งจิตซะ
- 00:20:36เองระหว่างที่เราเห็นความปรุงแต่งของจิต
- 00:20:40เนี่ยจิตมันทำงานโดยที่เราไม่ได้เจตนาไม่
- 00:20:43ได้จงใจแต่ตรงที่เราจงใจเข้าไปแทรกแซงจิต
- 00:20:48นะอยากให้มันดีหรือบางทีจงใจนะไหลไปตาม
- 00:20:53กิเลสเี่มันปรุงชั่วไปอันเนี้ย
- 00:20:58เป็นสิ่งที่เราจงใจทำนะเราอย่าไปจงใจปรุง
- 00:21:04แต่งจิตให้เรารู้ทันว่าจิตมันปรุงแต่ง
- 00:21:09อะไรนะรู้ทันความปรุงแต่งของจิตโดยเราไม่
- 00:21:12ไปปรุงแต่งชิตเองความปรุงแต่งจิตเนี่ยมัน
- 00:21:16เริ่มจาก
- 00:21:17เจตนาบางทีเจตนาชั่วนะเราก็ไปปรุงชั่ว
- 00:21:22เจตนาดีแล้วก็ปรุงดีแล้วก็พวกนักปฏิบัติ
- 00:21:27เนี่ยมันชอบปลุงดีพอนั่งสมาธิเี่นะจะไป
- 00:21:32บังคับจิตให้นิ่งๆจงใจทำให้จิตนิ่งจงใจทำ
- 00:21:37ให้จิตเคลิ้มนะตัวเนี้ยไม่ถูกนะตัวนี้ไม่
- 00:21:43ถูกธรรมะที่ลึกซึ้งที่สุดของพระพุทธเจ้า
- 00:21:47ชื่อว่าปฏิจจสมุปบาทเอวิชชาเป็นเหตุให้
- 00:21:52เกิดสังขารนะคำว่าสังขารตัวเนี้ยคือตัว
- 00:21:57เจตนา
- 00:21:59นะคือความจงใจจนะอวิชชาปัจจยาสังขารา
- 00:22:02สังขารตัวเนี้คือความจงใจงั้นเรามีอวิชชา
- 00:22:06เราไม่รู้ความจริงของกายของใจเราก็จะเกิด
- 00:22:11ความปรุงแต่งอย่างเราก็พยายามปรุงให้ให้
- 00:22:15ตัวเรามีความสุขนะปรุงให้มันไม่ทุกข์นะ
- 00:22:19อยากจะดีก็ปรุงให้มันนิ่งๆปรุงให้มันว่าง
- 00:22:23ๆอันเนี้ยเราเข้าไปปรุงซะเองตามใดที่ยัง
- 00:22:28ปรุง
- 00:22:29จงใจปรุงจิตไปเรื่อยๆนะยังไม่ใช่เรื่อง
- 00:22:32ไม่ได้เรื่องหรอกเราอย่าไปปรุงแต่งจิตแต่
- 00:22:37จิตเราเป็นยังไงจิตมันปรุงแต่งอะไรขึ้นมา
- 00:22:40เรารู้จิตมันปรุงสุขขึ้นมาเรารู้จิตมัน
- 00:22:43ปรุงทุกข์ขึ้นมาเรารู้อย่างเราเห็นดอกไม้
- 00:22:47สวยเงี้ยใจเราชอบเห็นมั้ยจิตมันปรุงความ
- 00:22:50ชอบขึ้นเองไม่เป็นไรนะเรามีหน้าที่ก็รู้
- 00:22:54จิตมันปรุงความชอบขึ้นมาะก็แค่รู้เราเห็น
- 00:22:58คนนี้เราเกลียดเจิตมันปรุงความเกลียดขึ้น
- 00:23:01มาเราก็แค่รู้ว่าจิตมันปรุงความเกลียด
- 00:23:04ขึ้นมา
- 00:23:05นะอย่างบางคนเพยายามปรุงจิตเราเห็นคนที่
- 00:23:09เกลียดนะก็พยายามขมไว้อย่าไปเกลียดมัน
- 00:23:13อย่าไปเกลียดมันนะท่องพุทโธพุทโธทอง
- 00:23:17บริกรรมอะไรให้หายเกลียดไอ้นี้เรากำลัง
- 00:23:20ปรุงแต่งจิตละนะเราเข้าไปแทรกแซงจิตเพรา
- 00:23:24งั้นอย่าไปแทรกแซงจิตอย่าไปปรุงแต่งจิตนะ
- 00:23:27จิตเป็นยังไงรู้ว่าเป็นอย่างนั้นรู้ไปตาม
- 00:23:31ธรรมชาติธรรมดารู้บ่อยๆนะแล้วกันภาวนาของ
- 00:23:37เรานจะราบ
- 00:23:39รื่นนักปฏิบัติร้อยละร้อยนะเริ่มต้นด้วย
- 00:23:45การบังคับตัวเองทั้งหมดเลยพอนั่งสมาธิก็
- 00:23:49นั่งเพงจะให้นิ่งอันนี้คือการเข้าไปปรุง
- 00:23:53แต่งจิตละจิตฟุ้งซ่านจะไปแต่งให้มันสงบ
- 00:23:57เงี้ย
- 00:23:59จิตไม่ดีพยายามทำให้มัน
- 00:24:02ดีการที่เราเข้าไปปรุงแต่งจิตนะเป็น
- 00:24:05เรื่องของสมถกรรมฐาน
- 00:24:08วิปัสสนากรรมฐานเนี่ยเป็นการรู้ความปรุง
- 00:24:12แต่งโดยเราไม่เข้าไปปรุงแต่งเสะเองนะนี้
- 00:24:16ถ้าเราทำวิปัสสนาไปจิตมันปรุงอะไรเรารู้
- 00:24:21ปรุงอะไรเรารู้ไปเรื่อยแล้วรู้ด้วยความ
- 00:24:23เป็นกลางนะถ้าไม่เป็นกลางรู้ว่าไม่เป็น
- 00:24:26กลางแล้วจิตมันเป็นกลางเอง
- 00:24:29เราอย่าไปแต่งมันนะนี่เกือบร้อยละร้อยของ
- 00:24:33ผู้ปฏิบัติเเริ่มต้นก็บังคับจิตทันที่เลย
- 00:24:36หรือเดินจงกรมนั้นก็บังคับตัวเองต้องเดิน
- 00:24:39ท่านั้นเดินท่า
- 00:24:41นี้แต่ถ้าเราจะทำ
- 00:24:44สมถะอันเนี้ยเราต้องปรุงแต่งจิตนะอย่าง
- 00:24:49จิตเราโกรธเงี้ยเราก็จะปรุงให้มันไม่โกรธ
- 00:24:54เพื่อมันจะได้อะไรได้สงบนะสงบจิตได้ผ่อน
- 00:24:58แล้วจิตจะมีแรงนะแต่มันจะไม่เกิดปัญญานะพ
- 00:25:03จิตมีแรงแล้วเนี่ยต้องอัปเกรดจิตขึ้นมา
- 00:25:07รู้อ่านจิตใจตัวเองให้ออกมันถึงจะขึ้นการ
- 00:25:11เจริญปัญญาได้เพราะงั้นสมถะกรรมฐานมี
- 00:25:16ประโยชน์นะไม่ใช่ไม่มีถ้าจิตไม่มีกำลัง
- 00:25:19เนี่ยทำวิปัสสนาไม่
- 00:25:22ได้การทำสมทากรรมฐานเนี่ยเราปรุงแต่งจิต
- 00:25:27โกรธขึ้นมานะเราก็เจริญเมตตาเงี้ยโกรธคน
- 00:25:31ไหนนะเราก็นึกถึงคนนั้นแล้วก็นึกถึงด้วย
- 00:25:34ความเมตตานึกถึงเหมือนกับเ้าเป็นคนที่เรา
- 00:25:38รักเป็นญาติเป็นพี่น้องเป็นพ่อแม่นะของ
- 00:25:42เราอะไร
- 00:25:43เงี้ยนึกถึงคนอื่นนะด้วยสายตาของความเป็น
- 00:25:48มิตรเี้เป็นการแต่งจิตนะเป็นการปรุงแต่ง
- 00:25:52จิตจิตโกรธก็เจริญเมตตาไปหรือจิตโลภนะจิต
- 00:25:59ไปหลงรักเมียคนอื่นหลงรักสามีคนอื่นเงี้ย
- 00:26:03อันเนี้ยจิตมันโลภะจิตมันมีราคะถ้าเราจะ
- 00:26:08ทำวิปัสสนาเราก็รู้ว่ามีราคะนะแต่ถ้าเรา
- 00:26:11ทำวิปัสสนาไม่ไหวอขณะนั้นจิตเราไม่มี
- 00:26:15กำลังพอที่จะทำวิปัสสนาเราก็ใช้สมถะเรา
- 00:26:19เกิดไปชอบผัวคนอื่นนะหรือไปชอบเมียคนอื่น
- 00:26:22นะเราก็ใช้กรรมฐานตรงข้ามเราไปรักเพเรา
- 00:26:28รู้สึกว่ามันดีมันสวยมันงามอะไเงี้ยเราก็
- 00:26:33พิจารณาปฏิกูลอสุภะนะคนมันสวยมันสวยตรง
- 00:26:37ไหนสวยที่มันมีผมนะฉะนั้นเรากำหนดจิตนะ
- 00:26:42ผู้หญิงคนนี้สวยๆนะเรากำหนัดจิตลงไปนึก
- 00:26:46ถึงว่าข้าผมร่วงหมดหัวเลยผมร่วงเป็นหย่อม
- 00:26:49ๆเงี้ยความสวยมันเริ่มหายไปแล้วนะเเกิดเข
- 00:26:54มีขนรุงรังเต็มตัวขึ้นมาเงี้ยนะเหมือนหมี
- 00:26:57ควายอะไรเงี้ยนะความสวยก็หายไปะนะเือบาง
- 00:27:02ทีขนร่วงหมดเลยนะคิ้วเขก็เลยไม่มีนะดหน้า
- 00:27:06ตาแปลกๆเความสวยมันลดลงไปละนะหรือเล็บของ
- 00:27:12เขานะเล็บงอเล็บยาวบิดไปบิดมาสกปรกอะไร
- 00:27:18เงี้ยอันนี้เราใช้นึกๆเอานะมันเรื่องสมถะ
- 00:27:23ไม่ใช่ของจริงะเป็นเรื่องที่เราปรุงแต่ง
- 00:27:25จิตเราจะปรุงแต่งให้เห็นว่าเ้ยคนที่เรา
- 00:27:29หลงไปชอบไม่สวยจืหรอกไม่สะอาดหรอกสกโปก
- 00:27:33อะไรเงี้ยใจที่มีราคามันจะหายมันรักไม่ลง
- 00:27:36อเพราะมันสกปรกนะอันนี้เป็นการแก้แก้
- 00:27:40อาการของจิตนะสมถกรรมฐานเนี่ยมีการแก้
- 00:27:44อาการของจิตแต่วิปัสสนาเจะไม่แก้อาการจะ
- 00:27:48รู้อาการทั้งหลายตามที่มันเป็นจริงๆแล้ว
- 00:27:53ค่อยฝึกสังเกตนะตอนไหนใจเราเหนื่อยใจเรา
- 00:27:57ไม่มีอะไรต้องทำสมถะนะอย่างเช่นถ้าจะหาย
- 00:28:02ใจนก็หายใจไปหายใจเข้าพูดหายใจออกโทรไป
- 00:28:06ถ้ามันยังเคลิ้มหายใจเราเคลิ้มนะเราก็
- 00:28:10เพิ่มมาตรการในการฝึกมากขึ้นเช่นหายใจ
- 00:28:15เข้าพูดหายใจออกโทอะไรเเพิ่มไม่ต้องหายใจ
- 00:28:18อย่างเดียวนะเพิ่มบริกรรมเข้าไปอีกถ้าหาย
- 00:28:21ใจเข้าพูดหายใจออกโทแล้วใจก็ยังหนีอีกยัง
- 00:28:25ฟุ้งซ่านอีกก็เพิ่มมาตรการเข้าไปอีกอีกนะ
- 00:28:29นับเลขเข้าไปด้วยเช่นหายใจเข้าพูดหายใจ
- 00:28:31ออกโทนับ 1 หายใจเข้าพูดหายใจออกโทนับ 2
- 00:28:35เนี่ยนับเลขไปด้วยนะใช้กรรมฐานหลายตัว
- 00:28:39ช่วยกันเพื่อกำราบจิตใจที่ฟุ้งซ่านมากถ้า
- 00:28:44จิตใจนะแล้วแต่จริตนิสัยนะแล้วแต่ถ้าจิต
- 00:28:50เรามีราค่ามากเก็พิจารณาปฏิกสุภะจิตก็จะ
- 00:28:54สงบถ้าจิตใจเรามีโทสะมากเราก็จะเมตตาไว้
- 00:28:59ถ้าจิตใจเราเป็นพวกศรัทธามากนะเาก็เชื่อ
- 00:29:04ใครพูดอะไรก็เชื่อนะอันนี้ต้องฝึกฝึกยาก
- 00:29:07นิดนึงฝึกที่จะมองทุกอย่างด้วยความมีเหตุ
- 00:29:11ผลนะอะไรที่ไม่มีเหตุผลแขวนไว้ก่อนไม่
- 00:29:15ต้อง
- 00:29:16เชื่อต้องฝึกใช้เหตุใช้ผลหรบางคนมีศรัทธา
- 00:29:21ในพระพุทธเจ้าเนี่ยเวลาอยากให้จิตสงบนะ
- 00:29:25คิดถึงพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้ามีความดีงาม
- 00:29:29มากมายนะท่านมีปัญญามากท่านตรัสรู้ได้
- 00:29:33ด้วยพระองค์เองแล้วท่านก็มีความเมตตา
- 00:29:36กรุณานะออกมาสั่งสอนพวกเราอีกสอนยากนะไม่
- 00:29:40ใช่สอนง่ายไกว่าจะเข้าใจธรรมะแต่ละคน
- 00:29:43เนี่ยนะลำบากนะคนซอนนี่เหนื่อยมากเลยเี่
- 00:29:47พระพุทธเจ้ามีความเมตตากรุณาสูงท่านมี
- 00:29:51ความบริสุทธิ์หมดจดนะไม่ได้สอนดหวังผล
- 00:29:54ประโยชน์ตอบแทนใดๆทั้งสิ้นนะปรารถนาแค่
- 00:29:58ว่าให้พวกเราพ้นทุกข์ตามท่านไปด้วยเท่า
- 00:30:01นั้นเองไม่ได้อยากได้อะไรนึกถึงความดีของ
- 00:30:05พพุทธเจ้านะคนบางคนมีศรัทธาในพพุทธเจ้า
- 00:30:09มากก็นึกถึงความดีของพพุทธเจ้าจิตก็สงบม
- 00:30:13มีการกระทำมีการปรุงแต่งจิตปรุงแต่งอะไร
- 00:30:17ปรุงแต่งคิดถึงความดีของพพุทธเจ้านะนี่ก็
- 00:30:21คือการปรุงแต่งเพรางั้นเรื่องของสมถ
- 00:30:24กรรมฐานเนี่ยมีความปรุงแต่งจิตนะแต่ถ้า
- 00:30:28เราจะขึ้นสู่วิปัสสนาเราจะต้องเห็นจิตตาม
- 00:30:31ความเป็นจริงด้วยกฎ 3 ข้อนั้นน่ะให้
- 00:30:35อารมณ์เกิดก่อนแล้วค่อยรู้นะระหว่างรู้
- 00:30:39เนี่ยรู้แบบคนวงนอกนะแบบคนไม่มีส่วนได้
- 00:30:43เสียรู้
- 00:30:45แล้วต้องเป็นกลางถ้าจิตยินดียินร้ายต่อ
- 00:30:50สิ่งที่มันไปรู้เข้าให้รู้ทันความยินดีย
- 00:30:53ร้ายแล้วจิตจะเป็นกลางเมื่อเราสามารถเห็น
- 00:30:58สภาวะทั้งหลายด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็น
- 00:31:01กลางได้แล้วเนี่ยปัญญาจะ
- 00:31:04เกิดเราจะเห็นความจริงปัญญานั้นก็คือการ
- 00:31:08เห็นความจริงเท่านั้น
- 00:31:25เองเวลาเราหัดทำวิปัสสนานะแรกเลยจิตเรา
- 00:31:30ต้องตั้ง
- 00:31:32มั่นหลวงพ่อก็สอนบ่อยๆนะเรื่องจิตที่ตั้ง
- 00:31:35มั่นต้องฝึกวิธีฝึกก็คือทำกรรมฐานอันนึง
- 00:31:39แล้วรู้ทันจิตตัวเองบ่อยๆแล้วจิจะตั้ง
- 00:31:42มั่นขึ้นมาเองนะโดยที่เราไม่เจตนาถ้าเรา
- 00:31:46ไปจงใจทำความตั้งมั่นขึ้นมานะเป็นความ
- 00:31:50ตั้งมั่นที่ไม่ดีนะจิตใจจะเครียดๆหนักๆ
- 00:31:53แน่นๆงั้นเราหลงไปมันอยากหลงก็ไม่ว่ามัน
- 00:31:58อยากคิดก็ไม่ว่าแต่รู้ทันว่ามันหลงไปคิดะ
- 00:32:01นะจิตมันจะตั้งมั่นขึ้นมาเองพอจิตตั้ง
- 00:32:05มั่นเราก็กระทบอารมณ์ไปด้วยความเป็นกลาง
- 00:32:08ยินดีรู้ทันยินร้ายรู้ทันก็จะเป็นกลางพอ
- 00:32:12เรามีสติรู้จิตใจของเรานะด้วยจิตที่ตั้ง
- 00:32:16มั่นและเป็นกลางนะปัญญามันจะเกิดนะรู้กาย
- 00:32:20ก็ได้นะอันนี้หลวงพ่อวันนี้เริ่มต้นมาที่
- 00:32:23จิตลูกกายก็ใช้หลักเดียวกันนั่นแหละ
- 00:32:28[เพลง]
- 00:32:35เห็นมตอนที่หลวงพ่อหยุดพูดเนี่ยใจเราไหล
- 00:32:38ไปคิดมองออก
- 00:32:41มดูออกมทอนที่หลวงพ่อหยุดพูดนะใจของเรา
- 00:32:46ไหลไป
- 00:32:51คิดไม่ห้ามนะแต่รู้รู้ทันอ้อไหลไปแล้ว
- 00:32:58ลองฝึกนะตรงนี้ลองดูหลวงพ่อจะเงียบๆแล้ว
- 00:33:04ใจของเราไหลไปเราค่อยรู้อย่าไปจ้องไว้กัน
- 00:33:07อย่าไปจ้องเราจะฝึกกฎ 3 ข้อ
- 00:33:16เเบอร์
- 00:33:1904 มีคนแปลใช่
- 00:33:21มยเบอร์สวนส4เพ่งมากไปนะใจไม่เป็นธรรมดา
- 00:33:28ตั้งใจแรง
- 00:33:35ไปพอจะมองออกมว่าใจเราไหลไปตลอดเวลา
- 00:33:40เดี๋ยวก็ไหลไปคิดเรื่องโน้นเดี๋ยวก็ไหลไป
- 00:33:42ทางนี้นะเดี๋ยวก็ไหลมาดูหลวงพ่อในจอวิ่ง
- 00:33:47ไปวิ่งมาค่อยรู้ทันใจที่ไหลไปไหลมาตัว
- 00:33:53เนี้ถ้าเราทำได้นะการภาวนาของเราจะเหลือ
- 00:33:56นิดเดียว
- 00:33:58เส้นทางที่ดูขรุขะดูลำบากดูแสนไกลนะจะ
- 00:34:03เหลือสั้นนิดเดียวแล้วก็ราบรื่นถ้าอ่านใจ
- 00:34:08ตัวเองออกการปฏิบัติจะเหลือเหลือสั้นนิด
- 00:34:14เดียวงั้นเราจะฝึกอ่านใจตัวเองตอนที่หลวง
- 00:34:19พ่อหยุดพูดใจเราไหลไปไหลไป
- 00:34:24คิดก็แค่รู้ว่ามันไหลไป
- 00:34:34เบจ
- 00:34:37275 ใจไหลไปคิด
- 00:34:42นะคนอื่นก็ไหลนะแต่หลวงพ่อเรียกทุกคนไม่
- 00:34:46ไหวมีเยอะแยะเหลือ
- 00:34:52เกินใครพอจะมองเห็นแล้วยกมือให้หลวงพ่อดู
- 00:34:56หน่อยยกมือที่นั่งกล้องอ่ะมีมั้ยใครเห็น
- 00:34:59ใจที่ไหลไปบ้าง
- 00:35:02แล้วตัวดี
- 00:35:05197 ถูกต้องนะสามารถเห็น
- 00:35:13ได้ 01 0 หลงไปอีกแล้วเมื่อกี้รู้ว่ามัน
- 00:35:18ไหลนะตอนนี้มันไหลแต่ไม่
- 00:35:21รู้ดีรู้อย่างตะกี้รู้ถูกไหลไปแล้วรู้
- 00:35:28ไม่ได้นั่งจ้องกลัวมันไหลนะหรือนั่งจ้อง
- 00:35:31ดูซิเมื่อไหร่จะไหลอ้นี้ผิดแล้วนะให้ไหล
- 00:35:34ไปก่อนแล้วค่อยรู้ว่าอะไรนี่กฎข้อแรก
- 00:35:38เลยแล้วรู้แบบไม่มีส่วนได้เสียเห็นมันไหล
- 00:35:43ไปเราเป็นแค่คนเห็นนะไหลไปแล้วไม่ชอบยิน
- 00:35:49ร้ายรู้ว่ายินร้ายนี่คือกฎ 3 ข้อนะพยายาม
- 00:35:53ฝึกตัวเองทุก
- 00:35:55วันไปทำกำมาฐานสักอย่างหนึ่งให้กัน
- 00:35:59บ้านต้องทำกรรมฐานนะทำในรูปแบบอย่างใด
- 00:36:04อย่างหนึ่งก็ได้แล้ววันไหนจิตฟุ้งซ่านก็
- 00:36:08ทำความสงบทำสมถะก็แก้อาารหูจิตไปจิตฟุ้ง
- 00:36:13ซ่านทำให้สงบจิตไม่มีความสุขทำให้มีความ
- 00:36:17สุขเงี้ยถ้าจิตเรามีกำลังนะเดินปัญญาถ้า
- 00:36:25เดินปัญญาด้วยการดูจิตก็คืออ่านพฤติกรรม
- 00:36:28ของจิตนะมันไหลไปไหลมาคอยรู้ทันท่านจะรู้
- 00:36:32ร่างกายนะนี่บอกเผื่อไปด้วยบางคนถนัดรู้
- 00:36:36กายมากกว่าถนัดรู้
- 00:36:39จิตเพจิตเราทำกรรมฐานนะเพะจิตเราหลงไป
- 00:36:43แล้วจิตเราตั้งมั่นขึ้นมาพอจิตเราตั้ง
- 00:36:46มั่นขึ้นมาแล้วดูลงไปในร่างกายเห็นมร่าง
- 00:36:50กายกำลังนั่งอยู่ร่างกายที่นั่งอยู่เป็น
- 00:36:53ของถูกรู้ถูกดูร่างกายกจิตเป็นคนละอันกัน
- 00:36:57เนี่ยเป็นการเจริญเจริญปัญญาด้วยการดูกาย
- 00:37:02นะต้องมีจิตกับกายเมันแยกกันจะดูเวทนาก็
- 00:37:09จะเห็นเวทนากับจิตมันแยก
- 00:37:12กันดูสังขารนะความปรุงดีปรุงชั่วก็เห็นนะ
- 00:37:17ความปรุงดีปรุงชั่วกับจิตมันแยกออกจากกัน
- 00:37:21จิตมันแยกออกมาต่างหากเป็นคุนเห็น
- 00:37:24นะจะเดินทางกายก็ได้จะเดินทางจิตใจใก็ได้
- 00:37:282 ทางใหญ่ๆถ้ารู้กายก็เริ่มจากการเห็น
- 00:37:32ว่ากายกับจิตมันคนละอันกันแล้วร่างกายมัน
- 00:37:35ก็เคลื่อนไหวไปมาตามที่จิตมันสั่งไม่ใช่
- 00:37:39ตัวเราไม่ใช่ของเราดูไงก็ได้แต่ถ้าดูจิต
- 00:37:43ที่จะดูตามที่หลวงพ่อเล่ามายืดยาวนั้นน่ะ
- 00:37:48ให้รู้ทันในกฎ 3 ข้อนั้นน่ะก่อนดูระหว่าง
- 00:37:52ดูเมื่อดูเห็นสภาวะแล้วส 3 ีเหรียดนะก่อน
- 00:37:58ดูอย่าไปจ้องไวให้ความรู้สึกเกิดเราค่อย
- 00:38:01รู้ระหว่างดูนะอย่าไปดูเอาเป็นเอาตายดู
- 00:38:05แบบไม่มีส่วนได้เสียดูห่างๆแต่ไม่ต้อง
- 00:38:10กำหนดจิตให้ห่างออกไปนะกำหนดจิตให้ห่างๆ
- 00:38:13ออกไปเนี่ยปรุงแต่งอีกแล้วไปปรุงแต่งะนะ
- 00:38:17เราดูเหมือนดูคนอื่นน่ะดูความโกรธเกิด
- 00:38:21ขึ้นเหมือนเห็นคนอื่นโกรธนะต้องดูอย่าง
- 00:38:23นั้นดูห่างๆข้อ 3 ก็เห็นสภาวะแล้วยินดี
- 00:38:29ให้รู้ทันยินร้ายให้รู้ทันบางคนเห็นจิต
- 00:38:32มันโกรธนะแล้วก็โกรธตัวเองอีกว่าทำไมมัน
- 00:38:36ขยันโกรธนักนะใครเคยเป็นบ้างมั้ยโกรธตัว
- 00:38:40เองว่าทำไมมันกิเลสเยอะนักไอ้นี่หลงกนมา
- 00:38:44ละนะเราไม่เป็นกลางงั้นจับหลักที่หลวงพ่อ
- 00:38:49บอกนี่ไวให้แม่นๆนะแล้วเราจะภาวนาการ
- 00:38:53ปฏิบัติจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหลวง
- 00:38:57หลวงพ่อนะไปเรียนอย่างหลวงปู่ดุลย์นะหลวง
- 00:39:00พ่อจับหลักไม่ได้อยู่ 3
- 00:39:03เดือนหลังจากนั้นน่ะจับหลักได้ใช้เวลา 4
- 00:39:07เดือนเท่านั้นน่ะก็จะเข้าใจจิตใจตัวเอง
- 00:39:10ได้ไม่ใช้เวลาไม่มาก้าเรารู้จักใจตัวเอง
- 00:39:16เราค้นพบตัวเอง
- 00:39:18แล้วความทุกข์มันยังเข้ามาไม่ถึง
- 00:39:24ใจอ่ะเอาแค่นี้พอมั้ย
- 00:39:28ที่สอนวันนี้หลักๆทั้งนั้นเลยนะแล้วค่อย
- 00:39:32ไปรีรันฟังแล้วฟังอีกนะฟังหลายๆทีไม่ขาด
- 00:39:35ทุน
- 00:39:36หรอกอย่างหลวงพ่อทีแรกไปหาหลวงปู่ดุลยนะ
- 00:39:40ตอนเด็กๆนะหลวงพ่อทำแต่สมาธิจิตก็สงบทีก็
- 00:39:46อยากรู้อยากเห็นอะไรมันก็ออกรู้ออกเห็น
- 00:39:48ได้นะแล้วก็ต่อมามาเจอหลวงปู่ดูลนะท่าน
- 00:39:53บอกให้ดูจิตตัวเองหลวงพ่อดูจิตแล้วหลวง
- 00:39:56พ่อไปแทรกแสงจิตจิตมันมีหน้าที่คิดนึก
- 00:40:00ปรุงแต่งนะฝึกันมันไม่คิดไม่นึกไม่ปรุง
- 00:40:03ไม่แต่งนะรู้นิ่งๆว่างๆเไปรู้ว่างๆอยู่
- 00:40:07งั้นนะ 3 เดือนนะฝึกจิตว่างก็ขึ้นไปหา
- 00:40:12หลวงปู่ดุลยหลวงปู่ผมดูจิตได้แล้วท่านมอง
- 00:40:16หน้าเราท่านก็รู้แล้วว่าเราผิดตรงไหนครู
- 00:40:18บาอาจารย์มองแป๊บเดียวก็รู้แล้วแต่วท่าน
- 00:40:21ก็ถามมา
- 00:40:22ก่อนจิตเป็นยังไงอืบอกท่านนะโจิตมันวิจิต
- 00:40:28พิสดารนะมันทำงานได้สารพัดเลยแต่ผมสามารถ
- 00:40:31ฝึกจนกระทั่งมันว่างแล้วมันนิ่งๆว่างๆรู้
- 00:40:35ตัวอยู่เฉย
- 00:40:37ๆนึกว่าท่านจะชมนะท่านบอกทำผิดแล้วไป
- 00:40:42ทำไมให้ไปอ่านจิตตัวเองไม่ใช่ให้ไปบังคับ
- 00:40:45จิตตัวเองอย่าที่หลวงพ่อบอกเราอย่าไปปรุง
- 00:40:49แต่งจิตเราอย่าไปบังคับมันมันจะสุขจะ
- 00:40:52ทุกข์จะดีจะชั่วอะไรู้อย่างที่มันเป็นไป
- 00:40:55นะ
- 00:40:57ไม่ยากหรอกนะหลวงปู่บอกว่าการปฏิบัตินั้น
- 00:41:01ไม่ยากยากเฉพาะผู้ไม่ปฏิบัติอ่านหนังสือ
- 00:41:04มามากแล้วต่อไปนี้อ่านจิตตนเองให้ค่อย
- 00:41:08อ่านจิตตัวเองนะตามกฎ 3 ข้อวิธี
- 00:41:15อ่านเหลือเวลานิดหน่อยารเลี้ยงแมงวันไป
- 00:41:19ด้วยนะ
- 00:41:29ใครขำบ้างรู้สึกขำมยใจมันขำขึ้นมาเองมัน
- 00:41:33หัวเราะใจมันตลกมันรู้สึกขำเงี้ยเราแค่
- 00:41:37รู้นี่คือความรู้สึกที่เกิดนะเราก็แค่
- 00:41:41เห็นเห็นมั้ยมันเกิดขึ้นเองผุดขึ้นมาความ
- 00:41:43ขำ่ะุดขึ้นมาเองแล้วมันอยู่ชั่วคราวตอน
- 00:41:47นี้มันก็เริ่มหายละเห็นมยเกิดขึ้นตั้ง
- 00:41:49อยู่แล้วก็ดับไปถ้าเราเห็นสภาวะที่ผุด
- 00:41:53ขึ้นมานะทั้งสุขทุกข์ดีชั่วเกิดขึ้นตั้ง
- 00:41:56อยู่ดับไปนี่แหละสุดยอดกรรมฐานเเป็นสุด
- 00:42:01ยอดกรรมฐานเลยนะพยายามฝึก
- 00:42:06ไปอ่ะวันนี้เท่านี้ก่อนนะ
- ปฏิบัติธรรม
- รู้สึกตัว
- ฝึกจิต
- วิปัสสนา
- สมถกรรมฐาน
- จิตใจ
- ปัญญา
- สติ
- สังเกต
- การบำเพ็ญกุศล