จิตวิทยาด้านมืดของมนุษย์ที่คุณต้องรู้ คัมภีร์ต้องห้ามว่าด้วย "ใจคน" | THE LIBRARY EP.262

00:55:06
https://www.youtube.com/watch?v=bptGCzzyJ6Y

Ringkasan

TLDRวิดีโอนี้กล่าวถึง "Dark Psychology" หรือจิตวิทยาด้านมืด ซึ่งเป็นการใช้ความรู้ทางจิตวิทยาเพื่อชักจูงและควบคุมผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยในชีวิตประจำวันเรามักพบการใช้จิตวิทยาด้านนี้ได้ในรูปแบบต่างๆ เช่น การตลาด การชักจูงทางสังคม บทเรียนในวิดีโอนี้เน้นการตระหนักรู้ถึงพฤติกรรมและบุคคลิกภาพที่มีด้านมืด ซึ่งมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่ คนหลงตัวเอง คนมีเล่ห์เหลี่ยม โรคจิตต่อต้านสังคม และพฤติกรรมซาดิสต์ โดยแนะนำให้มีการระมัดระวังและป้องกันตัวเองจากการถูกหลอกหรือชักจูง เพื่อการใช้ชีวิตที่มีสติและเหมาะสม มีการกล่าวถึงหนังสือ "The Dark Psychology" ที่ผู้สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากเนื้อหาในวิดีโอนี้

Takeaways

  • 🧠 Dark Psychology คือการใช้ความรู้ทางจิตวิทยาทำให้คนอื่นตกอยู่ใต้อำนาจ
  • 👥 เราทุกคนมีด้านมืดในตัวเองที่ต้องควบคุมให้ได้
  • 🔍 การตลาดบ่อยครั้งใช้จิตวิทยาด้านมืดเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค
  • 🛡️ การรับรู้และยอมรับตนเองคือวิธีป้องกันการถูกชักจูง
  • ⚠️ มี 4 บุคลิกภาพด้านมืด: คนหลงตัวเอง, มาเคียเวลเลียน, โรคจิตต่อต้านสังคม, และซาดิสต์
  • 📚 หนังสือ The Dark Psychology เป็นแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
  • 🌐 การชักจูงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่ต้องมีสติและระวัง
  • 💡 จิตวิทยาด้านมืดสามารถพบมากในที่ทำงานและความสัมพันธ์ส่วนตัว
  • 🔑 การมีสติในการตัดสินใจและการปฏิเสธสิ่งที่ไม่ดีคือทางออกที่ดีที่สุด
  • 🎯 ความเชื่อมั่นในตนเองจะช่วยให้ต้านทานการถูกชักจูงได้

Garis waktu

  • 00:00:00 - 00:05:00

    Dark psychology เป็นเรื่องเกี่ยวกับด้านมืดในจิตใจของมนุษย์ที่ทุกคนมีอยู่และการเรียนรู้เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของคนที่ใช้ความรู้ด้านนี้ในทางที่ผิด การเข้าใจ Dark psychology จะช่วยให้ไม่ถูกหลอกลวงและปกป้องตนเองจากบุคคลที่มีพฤติกรรมท็อกซิก

  • 00:05:00 - 00:10:00

    ความมืดในจิตวิทยาของมนุษย์มักแสดงออกในรูปแบบของการทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเปลี่ยนความเชื่อของผู้อื่นเพื่อประโยชน์ส่วนตน ตัวอย่างเช่น การตลาดที่ดึงดูดความสนใจและทำให้รู้สึกว่าต้องมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งทันที การเข้าใจศาสตร์นี้จะช่วยในการป้องกันตนเองจากการหลอกลวง

  • 00:10:00 - 00:15:00

    จิตวิทยาด้านมืดในชีวิตประจำวันมักเกี่ยวกับการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล บางครั้งคนอาจถูกโน้มน้าวเปลี่ยนแปลงความคิดเพื่อประโยชน์ส่วนตน สิ่งสำคัญคือการระวังการหลอกลวงจากคนที่มีพฤติกรรมนิยมหรือจิตใต้สำนึกมืด

  • 00:15:00 - 00:20:00

    คุณลักษณะของคนที่มีด้านมืดในจิตวิทยา เช่น คนหลงตัวเองที่มักแสดงออกด้วยความโอ้อวดและยึดถือความต้องการของตนเองเป็นสำคัญ แต่บางครั้งอาจมีเสน่ห์จนหลอกลวงผู้อื่นได้ง่าย วิธีป้องกันการหลงตัวเองคือการเข้าใจและควบคุมอารมณ์ของตน

  • 00:20:00 - 00:25:00

    ความหลงตัวเองอาจทำให้บุคคลประสบความสำเร็จชั่วคราว แต่ในระยะยาวอาจทำลายความไว้วางใจที่ผู้อื่นมีต่อเขา คนหลงตัวเองมักพยายามควบคุมผู้อื่นเพื่อสนองความต้องการของตน ควรระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของลักษณะนี้

  • 00:25:00 - 00:30:00

    บุคคลที่มีบุคลิกลักษณะม้าคิอเวลนักมักจะใช้เสน่ห์และการควบคุมอารมณ์ของตนเองในการบงการและชักจูงผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อผู้อื่น

  • 00:30:00 - 00:35:00

    ผู้ที่มีบุคลิกต่อต้านสังคมอาจดูเป็นปกติภายนอก แต่ขาดความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น มักกระทำการที่มีผลกระทบทางลบต่อสังคม บุคคลเหล่านี้มักเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ใช้ความรุนแรงและวุ่นวาย

  • 00:35:00 - 00:40:00

    ซาดิสม์แสดงออกด้วยความรุนแรงและเพลิดเพลินกับการทำร้ายผู้อื่น บุคคลประเภทนี้อาจไม่แสดงออกในชีวิตประจำวันแต่มีแนวโน้มที่จะใช้ความโหดเหี้ยมต่อผู้อื่นเป็นการแสดงออก

  • 00:40:00 - 00:45:00

    การชักจูงทางจิตมนุษย์เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความรู้ของอีกฝ่ายเพื่อผลประโยชน์ของตน ผู้ชักจูงมักใช้อิทธิพลลับๆและกลยุทธ์เพื่อหลอกลวงคนอื่น ควรระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อด้วยการรู้เท่าทัน

  • 00:45:00 - 00:55:06

    การป้องกันจากการชักจูงและการต้มตุ๋นควรเริ่มจากการยอมรับตัวเองและเข้าใจข้อบกพร่องของตัวเองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง รักษาการตระหนักรู้ในตนและแยกออกจากสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ

Tampilkan lebih banyak

Peta Pikiran

Mind Map

Pertanyaan yang Sering Diajukan

  • จิตวิทยาด้านมืดคืออะไร?

    จิตวิทยาด้านมืดคือการใช้ความรู้ทางจิตวิทยาในการควบคุมหรือชักจูงคนอื่นเพื่อประโยชน์ส่วนตนในทางที่ไม่เหมาะสม

  • เหตุใดเราจึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาด้านมืด?

    เพื่อที่จะรู้เท่าทันและป้องกันตัวเราเองจากการถูกหลอกลวงหรือชักจูงโดยผู้ที่ใช้จิตวิทยาด้านมืด

  • จิตวิทยาด้านมืดพบได้ที่ไหนบ้างในชีวิตประจำวัน?

    จิตวิทยาด้านมืดพบได้ในหลายสถานการณ์ เช่น การตลาดที่พยายามดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค การพูดหว่านล้อมในที่ทำงาน หรือแม้แต่ในความสัมพันธ์ส่วนตัว

  • กลวิธีการชักจูงจิตใจมีอะไรบ้าง?

    กลวิธีการชักจูงสามารถรวมถึงการปั่นประสาท การฉายความรู้สึก การแยกตัวออกจากสังคม และการลงโทษ

  • ทำไมบางคนถึงมีจิตวิทยาด้านมืด?

    บางคนอาจมีจิตวิทยาด้านมืดเนื่องจากประสบการณ์ในวัยเด็ก สภาพแวดล้อม และปัจจัยทางพันธุกรรม รวมทั้งการขาดการควบคุมทางจิตวิทยา

  • จิตวิทยาด้านมืดมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างไร?

    ในธุรกิจ การใช้จิตวิทยาด้านมืดสามารถเห็นได้ในรูปแบบของการตลาดที่พยายามสร้างความต้องการที่คนนั้นไม่เคยมีมาก่อน โดยการกระตุ้นอารมณ์หรือความรู้สึกเร่งรีบ (FOMO) เพื่อให้คนอยากได้สินค้า

  • เราจะป้องกันตัวเองจากจิตวิทยาด้านมืดได้อย่างไร?

    โดยการตระหนักรู้ในตัวเอง การยอมรับตนเองอย่างที่เป็น และการมีความมั่นใจในการตัดสินใจและปฏิเสธสิ่งที่ไม่ดีต่อชีวิตของตน

  • ความหลงตัวเองเกี่ยวข้องกับจิตวิทยาด้านมืดอย่างไร?

    ความหลงตัวเองเป็นบุคลิกภาพที่มีด้านมืดเพราะคนเหล่านี้มักเห็นแก่ตัวและอาจใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือเพื่อสนองความต้องการของตนเอง

  • หนังสือเรื่อง The Dark Psychology มีเนื้อหาอะไรบ้าง?

    เนื้อหาหลักของหนังสือ The Dark Psychology คือการทำความเข้าใจด้านมืดของมนุษย์ วิธีการป้องกันการถูกชักจูง และการอ่านพฤติกรรมของคนอื่นอย่างรวดเร็ว

  • การตลาดใช้จิตวิทยาด้านมืดอย่างไร?

    การตลาดบางครั้งใช้จิตวิทยาด้านมืดด้วยการกระตุ้นให้เกิดความต้องการสินค้าหรือบริการที่ไม่จำเป็น โดยใช้ความรู้สึกของการพลาดโอกาส (FOMO) เพื่อจูงใจให้ซื้อมากขึ้น

Lihat lebih banyak ringkasan video

Dapatkan akses instan ke ringkasan video YouTube gratis yang didukung oleh AI!
Teks
th
Gulir Otomatis:
  • 00:00:00
    ในพาร์ทนี้เราจะมาพูดถึง Dark psychology ครับจิตวิทยาด้านมืดทำไมเราถึงมาเรียนรู้
  • 00:00:07
    จิตวิทยาด้านมืดกันต้องยอมรับว่ามนุษย์ ทุกคนครับแท้จริงแล้วมีด้านมืดทางจิตใจ
  • 00:00:12
    อยู่ในตัวทุกคนอยู่ที่ว่าจะสะกดสิ่งนั้น ได้หรือไม่หากคุณเท่าทันในสิ่งนี้คุณจะ
  • 00:00:18
    ไม่ตกเป็นท่าของจิตวิทยาด้านมืดคุณจะไม่ ถูกหลอกลวงจากคนที่ใช้จิตวิทยาไปในทางที่
  • 00:00:24
    ผิดทั้งหมดอยู่ในคู่มือเล่มนี้ครับใน Episode นี้เราจะมาทำความเข้าใจกับ Dark
  • 00:00:30
    psychology กันครับ
  • 00:00:38
    Dark psychology ครับจิตวิทยาด้าน มืดทำไมอยู่ดีๆเราก็มาเรียนเรื่องของ
  • 00:00:44
    จิตวิทยาด้านมืดกันผมจะอธิบายแบบนี้ผม อยากให้คุณผู้ฟังลองทบทวนก่อนคุณผู้ฟัง
  • 00:00:50
    เคยเจอช่วงเวลาที่ว่าคุณรู้สึกอึดอัดกับ การกระทำของใครบางคนแต่คุณก็ตอบไม่ได้ว่า
  • 00:00:57
    เป็นเพราะอะไรหรือคุณกำลังถูกสั่นคลอน ความเชื่อภายในจากคำพูดหรือจากคำถามของ
  • 00:01:04
    ใครบางคนแต่คุณก็รู้สึกว่าเอ๊ะหรือสิ่ง ที่เราเชื่อมันผิดคุณผู้ฟังเคยรู้สึกแบบ
  • 00:01:09
    นั้นมครับบางทีมันอาจจะเป็นกลวิธีทาง จิตวิทยาก็ได้แต่มันจะกลายเป็นจิตวิทยา
  • 00:01:17
    ด้านมืดทันทีหากคนๆนั้นใช้ความรู้เพื่อ ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวตนของคุณเพื่อผล
  • 00:01:23
    ประโยชน์ของตัวเาแน่นอนครับจิตวิทยาด้าน เมื่อถ้าคุณผู้ฟังลองสังเกตดีๆเราสัมผัส
  • 00:01:28
    กับสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลาการตลาดการตลาดใน โลกธุรกิจเค้าพยายามยัดความต้องการบาง
  • 00:01:35
    อย่างที่เราก็ไม่เคยต้องการมาก่อนแต่พอ เราเห็นผลิตภัณฑ์เราเห็นบริการของเขาเรา
  • 00:01:40
    ก็รู้สึกอยากได้เราถูกกระตุ้นความรู้สึก โฟโมทำให้รู้สึกว่าเราต้องมีของสิ่งนั้น
  • 00:01:46
    เดี๋ยวนั้นเดี๋ยวนี้เลยมันก็เป็นกลวิธี ทางจิตวิทยาครับดังนั้นมันจะเป็นโอกาสดี
  • 00:01:52
    มากถ้าคุณผู้ฟังเข้าใจบทเรียนในหนังสือ เล่มนี้คู่มือการอ่านคนและภาษากายอย่าง
  • 00:01:58
    รวดเร็วจุดประสงค์เพื่อปกป้องการถูกหลอก ลวงการถูกกดขี่ข่มเหงจากคนหลงตัวเองและ
  • 00:02:05
    บุคคลที่มีพฤติกรรมท็อกซิกครับผมว่าตรง นี้แหละครับเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึง
  • 00:02:11
    ต้องมาเรียนจิตวิทยาด้านมืดกันเพราะว่าใน ชีวิตส่วนใหญ่เราจะอิงอยู่กับไม่โรงเรียน
  • 00:02:16
    ก็การทำงานใช่มั้ยครับปัญหาในชีวิตประจำ วันของคุณมันจะไม่ได้ค่อยมาจากตัวงานแต่
  • 00:02:23
    มันจะมาจากตัวคนและบางทีคนเหล่านั้นก็อาจ จะมีจิตวิทยาที่ไม่เหมาะในการใช้ชีวิตของ
  • 00:02:30
    คุณนั่นเองผมจะมาเข้าสู่บทเรียนในหนังสือ เล่มนี้นะครับแลเช่นเคยครับหากคุณผู้ฟัง
  • 00:02:35
    ต้องการเนื้อหาจากหนังสือเล่มนี้ครบถ้วน คุณผู้ฟังสามารถซื้อหนังสือเล่มนี้ได้จาก
  • 00:02:39
    the library Shop ครับหนังสือเล่มนี้ เป็นของคุณโจนาธาน mind นะครับเรามาเริ่ม
  • 00:02:46
    ต้นแบบนี้ก่อนจิตวิทยาด้านมืดเป็นการ ศึกษาสภาพของมนุษย์ในส่วนที่เกี่ยวพันกับ
  • 00:02:52
    ธรรมชาติทางจิตใจของผู้คนประเภทต่างๆที่ ใช้ผู้อื่นเป็นเหยื่อครับเป็นเหยื่อใช่
  • 00:03:00
    ครับคุณผู้ฟังความจริงก็คือมนุษย์ทุกคนมี ศักยภาพที่จะใช้ผู้อื่นหรือสิ่งมีชีวิต
  • 00:03:06
    อื่นเป็นเหยื่อได้ถ้าคุณผู้ฟังเข้าใจ ศาสตร์ของจิตวิทยาคุณจะไปเปลี่ยนแปลงความ
  • 00:03:11
    คิดคนคุณจะไปล้างสมองคนคุณจะไปบงการให้คน ทำสิ่งที่คุณต้องการเพื่อผลประโยชน์ของ
  • 00:03:16
    คุณเองก็ได้สิ่งนั้นเราจะเรียกกันว่า เล่ห์เพทุบายครับคำว่าเล่หเพทุบายครับจะ
  • 00:03:22
    เปรียบเสมือนการหลอกลวงเพื่อทำให้อีกฝ่าย เจอผลเสียแต่คำว่ากุสโลบายก็คือการหลอก
  • 00:03:28
    ลวงเพื่อทำให้อีกฝ่ายได้เจอผลดีต่อตัวเขา เองดังนั้นมันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆครับ
  • 00:03:34
    ที่ชีวิตนี้เราต้องเจอบ้างการหลอกลวงเจอ สิ่งที่มันตรงข้ามกับความจริงมนุษย์ส่วน
  • 00:03:40
    ใหญ่ครับจิตสำนึกของเรามีแนวโน้มที่จะควบ คุมแรงกระตุ้นด้านมืดของพวกเขาไว้อยู่พูด
  • 00:03:46
    ง่ายๆก็คือเราทุกคนมีด้านมืดเป็นของตัว เองครับในหนังสือ The laws of Human
  • 00:03:51
    Nature ก็บอกเช่นกันว่าเราทุกคนใส่หน้า กากเข้าหากันตลอดเวลามันคือความจริงครับ
  • 00:03:57
    เวลาคุณผู้ฟังไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง คุณก็เป็นอีกคนนึงเวลาอยู่ที่บ้านอยู่คน
  • 00:04:01
    เดียวคุณก็เป็นอีกคนนึงและจริงๆเราก็มี อีกด้านนึงที่มันมืดมันเป็นจุดดารของเรา
  • 00:04:08
    มากแต่เราแค่ถูกกดเอาไว้แต่คุณผู้ฟังสบาย ใจได้ครับหนังสือเล่มนี้เขาบอกว่าจะมี
  • 00:04:13
    เปอร์เซ็นต์ส่วนน้อยของประชากรทั้งหมดบน โลกที่ไม่สามารถเก็บแรงกระตุ้นด้านมืดของ
  • 00:04:18
    ตัวเองไว้ได้ถึงแม้มันจะมีอยู่ก็ตามนะ ครับบางครั้งคนเหล่านั้นก็ทำร้ายคนอื่นใน
  • 00:04:23
    ลักษณะที่ดูจินตนาการได้ยากเช่นฆาตกรต่อ เนื่องนักต้มตุ๋นนักหลอกลวงนักธุรกิจที่
  • 00:04:29
    ยักยอกเงินบริษัทจนทำให้ผู้ดถือหุ้่นล้ม ละลายมีเพียบเลยครับพอมาถึงตรงนี้ครับผม
  • 00:04:34
    ได้สรุปคร่าวๆแล้วว่าจิตวิทยาด้านมืดของ มนุษย์เป็นแบบไหนแล้วทำไมมันถึงมีอยู่ใน
  • 00:04:39
    ตัวเราทุกคนแต่ผมจะไม่ได้ลงลึกถึงขั้นตอน จิตวิทยาอะไรขนาดนั้นนะครับเพราะภาษาเขา
  • 00:04:45
    จะยากพอสมควรแต่เราจะมองไปที่จิตวิทยา ด้านมืดที่คุณผู้ฟังจะเจอในชีวิตประจำวัน
  • 00:04:51
    ตรงนี้แหละครับเราจะมองว่าเราจะรับมือกับ คนที่ใช้จิตวิทยาด้านมืดหรือเขาจะรู้ตัว
  • 00:04:58
    หรือไม่ก็ตามจะมีอยู่ 4 ประเภทเราจะมาที่ หัวข้อนี้กันลักษณะเฉพาะ 4 อย่างของคนที่
  • 00:05:05
    มีจิตวิทยาด้านมืดคำว่าจิตวิทยาด้านมืดใน ที่นี้ครับก็คือบุคลิกด้านมืดของมนุษย์
  • 00:05:10
    แล้วคนเหล่านี้อาจจะเก็บความมืดของตัวเอง ไว้ไม่ได้มีอยู่ 4 ประเภทในบทนี้เราจะมา
  • 00:05:17
    พิจารณาทีละประเภทกันครับประเภทที่ 1 คน หลงตัวเองทำไมคนหลงตัวเองมันเกี่ยวข้อง
  • 00:05:23
    กับพฤติกรรมด้านมืดของมนุษย์เขาบอกว่าคุณ ผู้ฟังเคยเจอคนที่หลงตัวเองมากๆมครับเวลา
  • 00:05:30
    คุณไปพบเจอกับเค้าเค้ามักจะพูดโอ้อวดเมัก จะขิงคุณด้วยบางทีเกทับคุณด้วยหรือบาง
  • 00:05:37
    ครั้งเขาจะไม่ฟังใครเลยเรามาไข่คำตอบกัน การหลงตัวเองคืออะไรเป็นอย่างไรและทำไม
  • 00:05:43
    มันถึงเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่ สุดเฉกเช่นมนุษย์การหลงตัวเองเป็น
  • 00:05:48
    บุคคลิกภาพด้านมืที่แสดงออกโดยคนที่ลุ่ม หลงในตัวเองหรือยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางคน
  • 00:05:55
    ที่หลงตัวเองจะแสดงความโอ้อวดโชว์ความ เหนือกว่าแสดงแดงอำนาจและสิทธิโดยชอบธรรม
  • 00:06:01
    ในระดับสูงอย่างไรก็ตามครับบางทีคนที่หลง ตัวเองก็ดูเป็นคนที่มีเสน่ห์เหมือนกันบาง
  • 00:06:07
    ครั้งเขาอาจจะมีทัศนคติในทางบวกมันจึง เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนเหล่านี้มักจะเก่ง
  • 00:06:14
    ในการหลอกลวงผู้อื่นในการพบเจอครั้งแรกๆ นักจิตวิทยาเขากล่าวกันเลยว่าคนที่หลงตัว
  • 00:06:20
    เองมักมองหาผู้คนที่ป้อนเข้ามาในการสนอง ต่อความหลงตัวเองของพวกเขาคำว่าหลงตัวเอง
  • 00:06:26
    ครับจะมีอยู่คำๆนึงชื่อว่า narcissism มา จากเทพกรระดำกรีกครับเป็นชื่อว่านาซีซัส
  • 00:06:32
    นาซีซัสเป็นพรานครับเป็นนายพรานและเป็น ชายหนุ่มรูปงามมากเขามีเสน่ห์ดึงดูดจนทุก
  • 00:06:38
    คนจะหลงรักเขาแต่เขากลับปฏิบัติต่อผู้คน อย่างดูหมิ่นเหยียดหยามและไม่เคยตอบรับ
  • 00:06:45
    ความรักที่ผู้อื่นแสดงต่อตนเลยเขาจึงถูก เทพเนเมซิสครับเทพธิดาแห่งการแก้แค้นสาป
  • 00:06:51
    ให้ตกลุมรักภาพสะท้อนของตนเองในสระน้ำนี่ จึงเป็นภาพสะท้อนที่ว่าทำไมคำว่านาซีซัส
  • 00:06:57
    จึงคู่กับคนที่หลงตัวเอง เรามาเปิดกันดูครับว่าคนหลงตัวเองเนี่ย
  • 00:07:03
    เป็นแบบไหนหรือบางทีครับบางทีเราอาจจะมี นิสัยนี้อยู่ก็ได้เพราะมันก็คือจิตวิทยา
  • 00:07:09
    ด้านมืดของมนุษย์ยังจำได้มั้ครับเราทุกคน มีด้านมืดในตัวของตัวเองคนหลงตัวเองครับ
  • 00:07:16
    พวกเขาจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงครับ แต่คำว่าสูงในที่นี้มันมีความเชื่อมั่นใน
  • 00:07:22
    ลักษณะที่วิปริตครับหรือวิปราสแปลกๆนั่น เองมันอาจจะไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความ
  • 00:07:27
    จริงเวลาที่คนหลงตัวเองทำทำอะไรเพื่อผล ประโยชน์ส่วนตนมักจะก่อให้เกิดความเสีย
  • 00:07:32
    หายต่อผู้อื่นในบางครั้งคนหลงตัวเองมี ความรู้สึกว่าตัวเองมีความสัมพันธ์ที่
  • 00:07:38
    เป็นศูนย์กลางของผู้อื่นเขาควรได้รับการ ปฏิบัติที่ดีกว่าคนรอบตัวพะกเขามีความรู้
  • 00:07:44
    สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่พิเศษแบบเกินจริง และเชื่อจริงๆว่าเวลาที่พวกเขาได้รับการ
  • 00:07:50
    ปฏิบัติที่เป็นพิเศษในสถานใดก็ตามแต่มัน เป็นเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันทั้งที่ความ
  • 00:07:55
    เป็นจริงเขาก็แค่รู้สึกอยากได้สิทธิ ประโยชน์นั้นเพียงแค่ตัวเขาเองแต่ตรงนี้
  • 00:08:00
    แหละครับผมว่ามันน่าสนใจมากจริงๆแล้ว เนี่ยคนที่หลงตัวเองเมักจะเชื่อว่าตัวเอง
  • 00:08:05
    ฉลาดกว่าคนอื่นเก่งกว่าคนอื่นและเขาก็มัก จะทำงานหนักเพื่อพิสูจน์มันและในท้ายที่
  • 00:08:10
    สุดเขาก็อาจจะประสบความสำเร็จมากกว่าคน ทั่วไปด้วยซ้ำทีนี้มันเลยเกิดคำถามครับ
  • 00:08:15
    แล้วทีนี้เจ้าความหลงตัวเองเนี่ยมันดี หรือมันแย่กันแน่หากมองในระยะสั้นคนหลง
  • 00:08:21
    ตัวเองบางคนอาจจะประสบความสำเร็จได้หรือ บางคนก็อาจจะตรงกันข้ามเลยถูกกดขี่ไม่มี
  • 00:08:27
    คนยอมรับแล้วไม่สามารถประสบความสำเร็จ อะไรได้เพราะหลงอยู่ในโลกของตัวเองแต่เรา
  • 00:08:32
    จะมาพิสูจน์ถึงแง่มุมของคนที่หลงตัวเอง แล้วประสบความสำเร็จกันในระยะสั้นเป็นแบบ
  • 00:08:38
    นั้นครับแต่ถ้ามองในระยะยาวล่ะมันจะเป็น อย่างไรบางคนเขาบอกว่าความหลงตัวเองอาจจะ
  • 00:08:44
    เป็นคุณสมบัติทางบวกในคนที่มีจริยธรรมได้ แต่ปัญหาก็คือคนหลงตัวเองส่วนใหญ่ดู
  • 00:08:51
    เหมือนจะเชื่อว่าความต้องการของพวกเขามา ก่อนของคนอื่นทั้งหมดเมื่อเขาประสบความ
  • 00:08:56
    สำเร็จในระยะสั้นแล้วแต่ในระยะยาดาวมันจะ มีโอกาสที่ว่าคนหลงตัวเองจะทำบางสิ่งบาง
  • 00:09:03
    อย่างที่ผิดจริยธรรมและคุณธรรมของตนเขา อาจทรยศต่อความไว้วางใจของผู้คนที่นิยมชม
  • 00:09:10
    ชอบในตัวเขาคนหลงตัวเองครับจึงดูเหมือนมี ความเชื่อมั่นในตอนแรกมากแต่หลังๆเขาจะ
  • 00:09:16
    เริ่มกลายเป็นคนที่ทนงตนคุณผู้ฟังเห็น อะไรมั้ครับยังจำสิ่งนึงที่ผมเคยพูดไว้
  • 00:09:21
    ได้มครับว่ามันจะมีโรคลหนึคือโรก CEO ที่ ว่าคนธรรมดาพอขึ้นไปมีตำแหน่งมีอำนาจบาง
  • 00:09:29
    คนก็อาจจะยังสามารถรักษาความดีงามของตัว เองไว้ได้แต่บางคนก็ตรงกันข้ามเลยไม่ฟัง
  • 00:09:36
    ใครใช้อำนาจในทางที่ผิดทำลายชีวิตผู้อื่น คดโกงหรือแม้แต่ยักยอกเงินมีเพียบเลยใช่
  • 00:09:43
    ไหมครับนี่แหละครับมาจากจิตวิทยาด้านมืด ของมนุษย์ที่ชื่อว่าการหลงตัวเองทีนี้มัน
  • 00:09:50
    เลยเป็นตัวแปรสำคัญที่ว่าเมื่อคนๆนึงเขา หลงตัวเองอ่ะเขาคอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ
  • 00:09:55
    แต่ถ้าเขาประสบความสำเร็จเก็จะเจอทางแยก ใหม่ที่ว่าเจะสามารถควบคุมด้านมืดของการ
  • 00:10:02
    หลงตัวเองของตัวเองได้หรือไม่ถ้าเขาคควบ คุมได้เค้าก็จะยังเป็นคนมีคุณธรรมเป็นคน
  • 00:10:07
    ที่ได้รับการยอมรับอย่างยั่งยืนแต่ถ้ามัน ตรงกันข้ามก็อย่างที่เราเคยได้เห็นกันใน
  • 00:10:12
    ข่าวเลยครับจะเป็นแบบนั้นเลยสุดท้ายนะ ครับคนหลงตัวเองจะชอบควบคุมเพราะพวกเขา
  • 00:10:18
    ควบคุมผู้คนได้เขาก็จะรู้สึกดีพวกเขาจะ พยายามชักจงผู้อื่นเพื่อคนเหล่านั้นจะได้
  • 00:10:23
    ป้อนการตอบสนองต่อความหลงตัวเองให้กับเขา ต่อไปนี่คือประเภทที่ 1 ครับคุณคุณผู้ฟัง
  • 00:10:29
    เคยเจอคนประเภทนี้มั้ยครับหรือคุณรู้สึก ว่าคุณมีลักษณะนิสัยแบบนี้หลุดออกมาบ้าง
  • 00:10:35
    หรือเปล่าถ้ามีขอให้เข้าใจว่ามันมีในตัว เราทุกคนแต่คุณจะควบคุมมันได้หรือไม่นั้น
  • 00:10:41
    ขอให้กลับไปดูตัวเองครับลองสะท้อนภาพตัว เองออกมาดูบุคลิกภาพแบบที่ 2 ครับ marvy
  • 00:10:48
    ครับนิโลมาคเี่ครับเป็นบุคลิกด้านมืดที่ เกี่ยวข้องกับความไม่จริงใจและการชักจูง
  • 00:10:54
    มาจากชื่อผู้ชายนิโคโล่มาวีครับที่เขา เป็นนักปราชญการเมืองที่รู้จักดีจากงาน
  • 00:11:00
    เขียนเรื่อง The Prince ที่ผมเคยทำ หนังสือของเขาไว้นะครับหนังสือเล่มนั้น
  • 00:11:05
    ให้คำแนะนำถึงการควบคุมฝูงชนและวิธีการ ชักจูงผู้คนเพื่อให้มีอำนาจเหนือพวกเขา
  • 00:11:11
    บางคู่มือบางบทนะครับมันก็ดารคมากถึงขนาด ที่ว่าคุณอาจจะต้อง่าชีวิตใครบางคนเพื่อ
  • 00:11:17
    ให้ได้อำนาจนั้นมาซึ่งมันถูกเขียนไว้ใน หนังสือ The Prince มันเลยเป็นเหตุผลที่
  • 00:11:22
    ว่าบุคคลิกภาพแบบเควี่เป็นภาพสะท้อนถึงคน ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัว
  • 00:11:27
    เองโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะต้องเจอผลเสีย อะไรบ้างดังนั้นเรามาดูกันว่าคุณเคยเจอ
  • 00:11:34
    บุคลิกภาพแบบนี้ในชีวิตประจำวันบ้างหรือ ไม่คนเหล่านี้ครับจะไม่แคร์ในเรื่องของ
  • 00:11:40
    ข้อจำกัดทางคุณธรรมที่สังคมส่วนใหญ่ยึด มั่นพวกเขาอาจจะไร้ศีลธรรมและสนใจแต่ตัว
  • 00:11:46
    เองพวกเขาไม่มีความรู้สึกถึงความถูกต้อง และความผิดพวกเขาทำอะไรก็ได้ทั้งสิ้นตราบ
  • 00:11:51
    ใดที่มันให้ประโยชน์แก่ตัวเองดังนั้นครับ ผู้คนที่มีอุปนิสัยเหล่านี้นะครับมักจะ
  • 00:11:57
    โกงโกหกและทำร้ายผู้อื่นเพื่อให้ตัวเอง บรรลุเป้าหมายพวกเขาแยกจากผู้คนรอบตัวทาง
  • 00:12:04
    อารมณ์ดังนั้นถ้าคุณอยู่ในความสัมพันธ์ กับพวกเขาคุณอาจสังเกตว่าประสบการณ์ทั้ง
  • 00:12:09
    หมดที่คุณมีกับเค้ามันดูไม่จริงใจเท่า ไหร่ดูเค้าไม่ค่อยอยากจะสานสัมพันธ์กับ
  • 00:12:16
    คุณเท่าไหร่แต่คุณก็รู้สึกว่าเขาก็มีการ ให้ความจริงใจกับคุณบ้างในบางครั้งนั่น
  • 00:12:21
    แหละครับอาจจะเป็นบุคลิกภาพแบบมาี่ก็ได้ แต่ผมว่าจุดเด่นของคนแบบเควี่ก็คือเย็นชา
  • 00:12:28
    ครับ เย็นชามากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ต้อง
  • 00:12:31
    ทำเรื่องที่มันยากๆแต่เขาสามารถทำได้โดย เย็นชาแล้วบางครั้งมันอาจจะเกี่ยวข้องกับ
  • 00:12:37
    อนาคตของคนๆนึงด้วยดังนั้นครับพวกมาเคีย เวียนจะเย็นชาและขาดคุณธรรมพวกเขาช่ำชอง
  • 00:12:44
    ในการชักจูงระหว่างบุคคลพวกเขาเชื่อว่า ชีวิตเป็นเกมผลรวมเป็นศูนย Zero Su Game
  • 00:12:50
    นั่นเองใครได้รางวัลก็แสดงว่าจะต้องมีอีก คนที่เสียเขาเชื่อว่ากุญแจสู่ความสำเร็จ
  • 00:12:55
    ก็คือการชักจูงคนอื่นพวกเขาเข้าถึงความ สัมพันธ์ทุกประเภทด้วยทัศนคติที่เยือก
  • 00:13:01
    เย็นครับและวางแผนไว้จนบางครั้งถ้าคุณไป ดูพฤติกรรมของเขาเขาอาจจะดูเป็นคนเห็นแก่
  • 00:13:06
    ตัวมากเลยแต่สำหรับพวกเขาครับมันคือวิธี การและเป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้ได้เป้าหมาย
  • 00:13:12
    สิ่งนั้นมาเขาจึงสรุปไว้ว่าพวกมาคินเป็น ผู้เชี่ยวชาญในการชักจูงและพวกเขาก็มีแนว
  • 00:13:19
    โน้มสูงที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจครับอย่างเช่นธุรกิจ
  • 00:13:24
    ใหญ่ๆที่มีการยักยอกเงินมีการปลอมแปลงตัว เลขมีการโกงซึ่งกันและกันคุณจะเจอคน
  • 00:13:29
    ประเภทมาเลียนสูงมากในที่แห่งนั้นครับเอา ล่ะครับเรามาที่บุคลิกภาพประเภทที่ 3 เขา
  • 00:13:36
    ตั้งชื่อว่าโรคจิตต่อต้านสังคมครับผู้ เขียนครับคุณโจนาธานมายบอกว่าในบรรดา
  • 00:13:41
    อุปนิสัยด้านมืดทั้งหมดโรคจิตต่อต้าน สังคมเป็นอันตรายที่สุดครับเพราะอะไรคน
  • 00:13:48
    โรคจิตต่อต้านสังคมมีระดับความเห็นอกเห็น ใจผู้อื่นต่ำมากๆครับเขาจึงจะไม่ค่อยแคร์
  • 00:13:54
    คนอื่นในทางตรงกันข้ามพวกเขามีระดับความ หุ่นหันพลันแแลกสูงมากพวกเขาเป็นบุคคลที่
  • 00:14:00
    แสวงหาความตื่นเต้นพวกเขาด้านชาชอบชักนำ ผู้อื่นและมีความรู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่
  • 00:14:08
    ในระดับสูงพวกเขาแสวงหาความตื่นเต้นโดย ไม่สนใจเลยว่าในระหว่างนั้นมันจะไปสร้าง
  • 00:14:13
    ความเจ็บปวดให้ผู้อื่นอย่างไรได้บ้างมัน จะแตกต่างจากมาเลียนครับสำหรับคนแบบ melly
  • 00:14:20
    ครับก็คือหากทำอะไรแล้วมันได้ประโยชน์ต่อ ตนเองถึงแม้มันจะเสียกับผู้อื่นเขาคก็จะ
  • 00:14:26
    ทำแต่โรคจิตต่อต้านสังคมครับหากเขาทำอะไร ที่มันส่งผลเสียกับผู้อื่นเขาก็รู้สึก
  • 00:14:32
    อยากทำถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้ประโยชน์ อะไรเลยก็ตามมันดูแปลกๆใช่ไหมมครับซึ่ง
  • 00:14:36
    มันน่ากลัวกว่าเควี่อีกครับเขาบอกว่าคน โรคจิตต่อต้านสังคมจะจับได้ยากกว่าที่คุณ
  • 00:14:41
    คิดพวกเขามีแนวโน้มจะคงภาพลักษณ์ภายนอก ที่เป็นปกติแม้ว่าพวกเขาจะขาดความเห็นอก
  • 00:14:47
    เห็นใจและความรู้สึกรับผิดชอบชั่วยดีก็ ตามส่วนใหญ่โลกจิตต่อต้านสังคมครับบางที
  • 00:14:52
    ก็อาจจะมาในรูปแบบของอาชญากรก็ได้หรือมา ในรูปแบบของการทำลายสิ่งอื่นๆทำลายผู้คน
  • 00:14:59
    ทำลายความรู้สึกผู้อื่นโดยที่ตัวเองก็รู้ สึกว่าเอมันสนุกเหมือนกันมันจะคล้ายๆกับ
  • 00:15:04
    ประเภทที่ 4 เดี๋ยวผมจะเล่าต่อไปเาบอกว่า คนเหล่านี้บางครั้งก็จะดูเหมือนมีเสน่ห์
  • 00:15:08
    ด้วยซ้ำเวลาที่พยายามชักจูงคุณพวกเขา เปลี่ยนแปลงง่ายและมีแนวโน้มไปในทาง
  • 00:15:13
    ประกอบอาชญากรรมแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็น กรณีนั้นเสมอไปสำหรับโรคจิตต่อต้านสังคม
  • 00:15:19
    ถ้าเป็นวัยเด็กก็จะมีความเา้าเรียกว่า กระด้างกระเดืองครับหรือต่อต้านสังคมใคร
  • 00:15:24
    สั่งใครสอนอะไรก็ไม่ฟังถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ คือเวลาไปทำงานเวลาทำอะไรผิดแล้วถูกตำหนิ
  • 00:15:29
    ก็จะโวยเพื่อร่วมงานโทษคนอื่นไปหมดเลยมัน ทำให้คุณรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่อึดอัด
  • 00:15:34
    มากเลยการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนเหล่า นี้คำถามก็คือแล้วบุคลิกภาพโรคจิตต่อต้าน
  • 00:15:40
    สังคมมันถูกสร้างมาได้อย่างไรเกือบ 99% นะครับถูกสร้างมาจากวัยเด็กสภาพแวดล้อมใน
  • 00:15:48
    ตอนเด็กเขาจะต้องเจออะไรมาบ้างดังนั้น ครับบุคคลิกภาพทางนี้มักจะต้องมาตั้งแต่
  • 00:15:54
    โดยกำเนิดปัจจัยทางสังคมสภาพแวดล้อมมี ส่วนรับผิดชอบอย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
  • 00:16:00
    ครับหากเขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่สับสน วุ่นวายหรือใช้ความรุนแรงมันจะมีแนวโน้ม
  • 00:16:07
    มากที่เขาจะแสดงออกอย่างชัดเจนถึงอาการ ทางจิตของเขาผู้เชี่ยวชาญครับเห็นพร้อม
  • 00:16:12
    กันว่ามีปัจจัยหลัก 3 อย่างที่มีส่วน เอื้อแก่โรคจิตแบบต่อต้านสังคม 1 คือ
  • 00:16:17
    กรพันธ์ 2 คือกายวิพากษ์ของสมองรูปแบบของ สมองของเขาและ 3 สภาพแวดล้อมนั่นเองอัน
  • 00:16:25
    นี้คือประเภทที่ 3 ประเภทที่ 4 ครับซาดิต ครับครับซาดิก็เป็นอีกคำนึงที่คนไทยเรา
  • 00:16:31
    ใช้ด้วยกันคือชอบความรุนแรงชอบอะไรที่มัน เลือดสาดชอบอะไรที่มันเจ็บปวดโดยที่ก็ไม่
  • 00:16:37
    รู้ว่าเขาได้อะไรจากตรงนั้นนี่คือ บุคคลิกภาพแบบซาดิตครับหนังสือเล่มนี้
  • 00:16:42
    เขียนไว้ว่าซาดิเป็นการแสดงคุณสมบัติด้วย ความกระด้างเช่นเดียวกับบุคคลิกภาพด้าน
  • 00:16:47
    มืดทั้ง 3 อย่างข้ามต้นแต่จะมีระดับความ หุนหันพลันแล่นรวมทั้งการชักจูนผู้อื่น
  • 00:16:54
    ที่หนักกว่าพูดง่ายๆก็คือคุณสมบัติของคน เป็นซาติดพวกเขาจะสนุกสนานกับความโหด
  • 00:17:01
    เหี้ยมครับแน่นอนครับส่วนใหญ่จะมาในรูป แบบของฆาตกร
  • 00:17:06
    อาชญากรหรือการทำร้ายผู้อื่นไม่ทางกายก็ ทางใจผู้เขียนครับก็บอกว่าข้อบ่งชี้ของ
  • 00:17:13
    พวกซาดิสในชีวิตประจำวันมีแนวโน้มจะใช้ ชีวิตและทำงานได้ปกติเหมือนคนทั่วไปเลย
  • 00:17:18
    แต่ครับพวกเขาจะพึงพอใจกับการทำร้ายคน อื่นพอถึงตรงนี้ผมอยากจะเล่าถึงภาพยนตร์
  • 00:17:24
    เรื่องนึงครับซึ่งอิงมาจากเรื่องจริงใน โรงพยาบาลแห่งหนึ่งครับมีแพทย์คนหนึ่ง
  • 00:17:30
    ซึ่งเป็นคนดูแลคนไข้เป็นคนที่คนไข้เนี่ย รักมากเพราะในที่ทำงานเดูเป็นคนดีมากเลย
  • 00:17:36
    แต่เขามีพฤติกรรมแปลกๆอย่างนึงเขาชอบทำ บางสิ่งบางอย่างให้คนไข้ของเขาเสียชีวิต
  • 00:17:44
    ครับคุณผู้ฟังฟังไม่ผิดครับเามีพฤติกรรม ที่มันแปลกมากบางทีเขาเอาสารพิษไปใส่ใน
  • 00:17:50
    น้ำเกลือบางทีเขาไปทำบางสิ่งบางอย่างที่ ทำให้คนไข้จากที่ปกติหรือบางทีเป็นไข้
  • 00:17:55
    อ่อนๆกลายเป็นหนักหนักหน่อยก็คือเสีย ชีวิตไปเลยเลยจนท้ายที่สุดเขถูกจับได้
  • 00:18:00
    แล้วก็ตัดสินเลยว่าเเป็นโรคจิตแต่ในชีวิต ประจำวันครับไม่มีใครดูออกเลยเดูเป็นคน
  • 00:18:06
    ปกติมากนี่แหละครับคือบุคลิกภาพแบบซาดิส บางทีเขาอาจจะฝังตัวอยู่ในชีวิตประจำวัน
  • 00:18:11
    ของเราแล้วเราดูไม่ออกแล้วคุณผู้ฟังลอง คิดดูนะครับว่าสมมุติมนุษย์คนนึงสามารถทำ
  • 00:18:16
    ร้ายใครก็ได้แล้วไม่ได้รู้สึกผิดไม่ได้ รู้สึกเจ็บปวดกับการกระทำนั้นเลยมันน่า
  • 00:18:21
    กลัวไครับน่ากลัวมากครับบางทีอาจจะมาใน รูปแบบฆาตกรต่อเนื่องเลยคุณจนทานมายครับ
  • 00:18:27
    เขียนไว้ว่าคนซาดิตมีแนวโน้มที่จะสร้าง ความเจ็บปวดให้ผู้คนรอบตัวเขาโดยไม่มี
  • 00:18:33
    เหตุผลใช่ครับไม่มีเหตุผลครับและมันจะมี แนวโน้มรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
  • 00:18:39
    เวลาที่เขาค้นพบว่าเหยื่อไม่มีแนวโน้มที่ จะตอบกลับไม่มีแนวโน้มที่จะโต้ตอบอะไรเขา
  • 00:18:45
    ก็จะยิ่งได้ใจนั่นเองบางทีถ้าเป็นเด็กๆ ที่ชอบความสาดิตก็อาจจะมาในรูปแบบของ
  • 00:18:50
    บูลี่นะครับการบูลี่ก็คือการแกล้งคนที่ ไม่ยืนหยัดขึ้นสู้กับพวกเขาดังนั้นผมจะ
  • 00:18:56
    สรุปให้คุณผู้ฟังเข้าใจง่ายๆแบบนี้นะครับ พวกซาดิสเป็นคนประเภทที่จะบอกความลับของ
  • 00:19:02
    คนกับคนอื่นแม้เขาจะสัญญาว่าจะเก็บมัน เป็นความลับพวกเขาสนุกสนานเวลาที่คุณอึด
  • 00:19:07
    อัดใจนอกจากนี้พวกเขายังมีแนวโน้มที่จะ วาดภาพผู้อื่นในแง่ไม่น่าไว้ใจหรือไม่ตรง
  • 00:19:13
    ไปตรงมาด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความเสีย หายให้กับชื่อเสียงของคนๆนั้นในขณะที่พวก
  • 00:19:19
    marian หรือบุคลิกแบบมาลี่อาจจะทำบาง สิ่งบางอย่างเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้
  • 00:19:24
    กับตัวเองแต่ซาดิเทำเพราะมันสนุกนั่นแหละ ครับคือความแตกต่างทีนี้ผมจะมาถึงบทที่ 3
  • 00:19:32
    ในบทที่แล้วเรารู้แล้วว่าประเภทของคนที่ มีด้านมืดแล้วไม่สามารถควบคุมด้านมืดของ
  • 00:19:37
    ตัวเองไว้ได้จะถูกเอามาแสดงในรูปแบบไหนใน บทนี้เราจะพูดถึงการชักจูงทางจิตการชัก
  • 00:19:45
    จูงในที่นี้ครับในชีวิตประจำวันเวลาเรา พูดคุยกับคนมนุษย์ของเรามีการชักจูงความ
  • 00:19:50
    คิดตลอดเวลามันมีการแสดงอิทธิพลซึ่งกัน และกันอยู่ตลอดเวลาแต่ถ้าพูดถึงในแง่มุม
  • 00:19:56
    ของจิตวิทยาด้านมืดการชักจูงด้วยจิตวิทยา ด้านมืดนั้นจะออกมาเป็นอย่างไรตรงนี้ครับ
  • 00:20:02
    น่าสนใจผมจะเริ่มต้นตรงนี้ให้คุณผู้ฟัง ก่อนนะครับการชักจูงทางจิตถูกจำกัดความ
  • 00:20:08
    ว่าเป็นรูปแบบของอิทธิพลทางสังคมซึ่ง พยายามเปลี่ยนพฤติกรรมและการตระหนักรู้
  • 00:20:13
    ของผู้อื่นด้วยการใช้กลยุทธ์อ้อมๆเพื่อ หลอกลวงและการกระทำลับๆดังนั้นจำไว้ว่าคน
  • 00:20:19
    ที่ชักจูงคนอื่นโดยทั่วไปมีแนวโน้มที่จะ ไร้ความปราณีดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะ
  • 00:20:25
    ปฏิบัติต่อคนดีในตอนแรกของความสัมพันธ์ คุณก็ต้องให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดต่อวิธี
  • 00:20:30
    การที่เขาแสดงออกกับคนอื่นด้วยผมว่าตรง นี้เราควรมาตั้งคำถามมากเลยว่าทำไมเราจะ
  • 00:20:37
    ต้องชักจูงผู้อื่นหรือทำไมคนจะต้องชักจูง กันเองด้วยมันจำเป็นหรือเปล่าเราชักจูงคน
  • 00:20:44
    ในแง่ไหนบ้างอย่างเช่นสมมุติถ้าคุณผู้ฟัง มีลูกคุณก็อยากให้ลูกกินผักกินข้าวออก
  • 00:20:50
    กำลังกายอันนั้นก็จะเป็นการชักจูงในทาง ที่ดีแต่ตราบใดก็ตามหากเราชักจูงให้ผู้
  • 00:20:57
    อื่นได้ดีมันเป็นสิ่งที่ควรทำแต่ถ้ามัน เป็นการชักจูงที่จบลงด้วยผลเสียนั่นแหละ
  • 00:21:05
    ครับเป็นการใช้จิตวิทยาด้านมืดที่มัน อันตรายมากทั้งกับตัวคนใช้และผู้ถูกใช้
  • 00:21:10
    แต่ในเมื่อเราพูดถึงจิตวิทยาด้านมืดเราจะ มาพูดถึงการชักจูงทางจิตโดยเขาต้องการที่
  • 00:21:16
    อาจจะทำร้ายคนหรือเอาเปรียบคนเป็นเรื่อง สำคัญที่คุณผู้ฟังต้องรู้สิ่งนี้ครับ
  • 00:21:21
    เพราะอะไรรู้มครับวันนึงเมื่อคุณทำงาน ครับคุณจะรู้เลยว่าคนมันเป็นศาสตร์ที่
  • 00:21:27
    ปราบเซียนมากคุณจะไม่รู้เลยว่าคนๆนี้คุณ สนิทสักพักนึงแต่เมื่อคบไปเรื่อยๆคุณจะ
  • 00:21:33
    เริ่มรู้แล้วว่าเอ้ยเขามีนิสัยแปลกๆที่ คุณไม่ไว้ใจที่จะคบต่อและคุณก็ไม่รู้แล้ว
  • 00:21:39
    คุณก็อึดอัดในที่ทำงานถ้าคุณรู้สิ่งนี้ คุณจะวางตัวได้อย่างมีชั้นเชิงมากขึ้น
  • 00:21:44
    ครับเรามาเริ่มกันการชักจูงทางจิตอย่าง แรกคือ 1 การปั่นประสาทผู้เขียนเขาเขียน
  • 00:21:51
    ไว้แบบนี้เลยนะครับการปั่นประสาทเป็น เทคนิคการชักจูงที่ร้ายแรงที่สุดครับมัน
  • 00:21:57
    คือการที่ที่ผู้ชักจูงพยายามทำให้เป้า หมายของเขาเริ่มสงสัยความเป็นจริงของตัว
  • 00:22:03
    เองโดยมากมักจะเกี่ยวข้องกับการสงสัยความ ทรงจำและการตระหนักรู้ของตัวเองสิ่งนึง
  • 00:22:08
    ผุดขึ้นมาในหัวเลยก็คือถ้าคุณผู้ฟังอยู่ ในสภาพแวดล้อมหนึแล้วมีใครสักคนมาชักจูง
  • 00:22:15
    ให้คุณแตกคอกับเพื่อนๆทำให้คุณรู้สึกไม่ ไว้วางใจเพื่อนสนิทของคุณเขาอาจกำลังจะ
  • 00:22:21
    ใช้กลยุทธ์การปั่นประสาทอยู่ก็ได้ไม่ว่า เจ้าตัวเขาจะรู้ตัวหรือไม่นะครับแต่เขา
  • 00:22:26
    บอกว่านี่คือการใช้กลยุทธ์ที่ร้ายแรงที่ สุดแน่นอนครับคุณไม่ควรเอาไปใช้ถ้าหนัก
  • 00:22:32
    หน่อยนะครับหนังสือเล่มนี้เขียนไว้้ว่า ถ้าเป็นในที่ทำงานคุณเป็นพนักงานแล้วคุณ
  • 00:22:37
    เจอหัวหน้าที่ชอบบางทีก็อาจจะล่วงละเมิด คุณบ้างเขาคก็อาจจะปั่นประสาทคุณว่าเ้ยผม
  • 00:22:43
    ก็แค่ไปสัมผัสคุณเท่านั้นเองแล้วถ้าเขา พูดแบบนั้นบ่อยๆคุณก็จะเริ่มคิดแล้วว่า
  • 00:22:47
    เอ๊ะหรือคุณคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไปเอง คุณเจอแบบนี้บ่อยมากครับดังนั้นบางทีคุณ
  • 00:22:53
    อาจจะเห็นว่าพวกเขายืนยันในสิ่งที่คุณ เห็นว่ามันไม่ถูกต้องจนในที่สุดคุณเริ่ม
  • 00:22:57
    เชื่อในสิ่งที่เขาพูดนั่นแล้วนั่นเองคุณ อาจเกิดความสงสัยขึ้นมาว่ามันเป็นอย่าง
  • 00:23:02
    นั้นได้จริงหรือเปล่าในเมื่อเราทุกคนต่าง มีเจตจำนงเรารู้ซึ้งถึงความจริงของตัวเอง
  • 00:23:07
    มันเป็นไปได้หรอที่จะถูกใครสักคนมาบอกว่า การตระหนักรู้ของตัวเรามันผิดเขาบอกว่า
  • 00:23:14
    มันง่ายมากที่จะทึกทักเอาว่ากการปั่น ประสาทนั้นใช้ไม่ได้ผลเราอาจจะคิดว่าเรา
  • 00:23:19
    ฉลาดหรือเราใจแข็งแต่ความจริงก็คือมนุษย์ มีใบแอดหรืออคตินึงก็คือ G ability by
  • 00:23:25
    as ครับอะไรที่เราเห็นบ่อยๆอะไรที่เรา ได้ยินหรือถูกพูดกรอกหูบ่อยๆเราจะเชื่อ
  • 00:23:32
    สิ่งนั้นโดยไม่ได้สนใจเหตุผลสิ่งนั้นเรา เรียกว่าก ability by as ครับมันเป็น
  • 00:23:37
    อคติที่อยู่คู่มนุษย์มานานมากนะครับลอง สังเกตดูครับเวลาคุณผู้ฟังเจอหน้าใครบ่อย
  • 00:23:42
    ๆคุณจะเริ่มชอบเ้าเวลาคุณได้ยินโฆษณาอะไร บ่อยๆคุณจะเริ่มสนใจในผลิตภัณฑ์นั้นเวลา
  • 00:23:50
    ที่คุณถูกฝังความเชื่อด้วยการพูดถึงสิ่ง นั้นบ่อยๆคุณจะเริ่มเชื่อในสิ่งนั้นโดย
  • 00:23:56
    ไม่รู้ตัวเห็นมครับมันทรงพลังขนาดไหนใน เรื่องของจิตวิทยาตรงนี้เราจะมาต่อกัน
  • 00:24:03
    ครับเราอาจจะพอรู้ได้ว่าใครกำลังปั่น ประสาทเราอยู่บ้างถ้าคุณค้นพบว่าตัวเอง
  • 00:24:10
    มักจะถูกทำให้สงสัยการกระทำของตัวเองที่ ได้ทำไปแล้วบ่อยครั้งหรือความเชื่อมั่น
  • 00:24:14
    อย่างแรงกล้าของคุณมันเรือนหายไปเพียง เพราะคนคนเนี้ยเวลาที่คุณมีปฏิกิริยากับ
  • 00:24:19
    คนบางคนแล้วมันเป็นแบบนั้นนะครับบางทีเขา อาจกำลังจะปั่นประสาทคุณอยู่พวกเขามีแนว
  • 00:24:24
    โน้มมากที่จะทำแบบนั้นบางทีเขาอาจจะบอก ว่าคุณเนี่ยเจ้าอารมณ์เกินไปแต่จริงๆแล้ว
  • 00:24:29
    เขาอาจกำลังพยายามทำให้คุณเลิกเชื่อมั่น ในอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองก็ได้ครับ
  • 00:24:34
    หรือคุณรู้สึกเหมือนคนคนึงกำลังทำให้คุณ เป็นบ้าหรือคุณกำลังสูญเสียความควบคุม
  • 00:24:39
    เวลาที่คุณอยู่กับเขานั่นแหละครับต้อง สังเกตและต้องระวังผมจึงสรุปแบบนี้ให้คุณ
  • 00:24:45
    ผู้ฟังนะครับเดี๋ยวผมจะบอกวิธีแก้และวิธี รับมือนะครับแต่ตรงนี้ผมจะให้ทุกท่านทำ
  • 00:24:49
    ความเข้าใจก่อนถ้าคุณรู้สึกสับสนในความ เชื่อความคิดและความรู้สึกของตัวเองเวลา
  • 00:24:54
    ใดก็ตามที่คุณอยู่กับคนๆนั้นมันคือสัญญาณ เตือนภัยที่ชัดเจน
  • 00:24:58
    พูดง่ายๆก็คือเชื่อในสัญชาตญาณตัวเองครับ อย่ามองข้ามสิ่งนั้นมันกำลังบอกคนอยู่
  • 00:25:05
    ตลอดเวลาต่อไปครับอีกกลยุทธ์หนึ่งในการ ชักจูงจิตใจคนการฉายความรู้สึกการฉายความ
  • 00:25:13
    รู้สึกเป็นเทคนิคการชักจูงทางจิตใจที่คนๆ หนึ่งจะย้ายอารมณ์และความผิดพลาดของตัว
  • 00:25:18
    เองไปที่คุณการฉายความรู้สึกเป็นกลไกปก ป้องตัวเองที่เกือบทุกคนใช้ในระดับหนึ่ง
  • 00:25:25
    พวกเราทั้งหมดมีแนวโน้มทางธรรมชาติที่จะ ฉายอารมณ์ด้านลบและความรู้สึกที่ไม่พึง
  • 00:25:29
    ปรารถนาของเราไปยังคนรอบตัวพูดได้อีก อย่างก็คือถ้าคุณเห็นใครเวลาเจอปัญหาแล้ว
  • 00:25:34
    เโทษคุณตลอดเลยเาโคตรโทษผู้อื่นตลอดเลย นี่แหละครับคือกลยุทธ์ที่เรียกว่าการฉาย
  • 00:25:40
    ความรู้สึกหรือการเบี่ยงเบนความรู้สึกแย่ ๆในตัวเองไปที่คนอื่นอีกคำนึงก็คือคน
  • 00:25:46
    ท็อกซิกนั่นเองคนที่มีลักษณะท็อกซิกนะ ครับจะชอบใช้กลยุทธ์นี้และที่สำคัญคือคน
  • 00:25:51
    ท็อกซิกเขาจะไม่ยอมรับครับว่าเขาทำในสิ่ง นี้ถึงจริงๆแล้วคุณจะเห็นว่าเขาทำก็ตาม
  • 00:25:57
    แต่เขาจะทำแบบรู้ตัวดังนั้นเค้าจึงจะชี้ ไปเลยว่าสิ่งที่มันน่ารังเกียจสิ่งที่
  • 00:26:03
    เป็นปัญหาทั้งหมดอาจจะมาจากคุณอาจจะมาจาก ผู้อื่นหรือมาอาจจะมาจากสังคมแต่คนจะไม่
  • 00:26:08
    เห็นเขาบอกว่ามันมาจากตัวเขาเองสักเท่า ไหร่แรกๆมันอาจจะเหมือนไม่มีปัญหาอะไรใช่
  • 00:26:13
    มั้ครับเวลาเจอปัญหาอะไรก็อ่ะโทษผู้อื่น บ้างแต่ในระยะยาวครับปัญหามันจะใหญ่มาก
  • 00:26:19
    เพราะหากเขาคโทษผู้อื่นในเรื่องเล็กๆน้อย ๆเดี๋ยวเรื่องใหญ่ๆมันจะตามมาแล้วเมื่อ
  • 00:26:25
    ถึงตอนนั้นความขัดแย้งที่อาจจะเป็นเป็น จุดแตกหักของความสัมพันธ์หรือกลุ่มมันจะ
  • 00:26:31
    เกิดขึ้นเขาบอกว่าคนที่ชอบใช้กลยุทธ์การ ฉายความรู้สึกพวกเขามักจะหาคนมากล่าวโทษ
  • 00:26:39
    สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างแม้มันจะเป็นเพียง เรื่องเล็กน้อยคนแบบนั้นมักพยายามอย่าง
  • 00:26:43
    หนักที่จะเลี่ยงการรับผิดชอบต่อการกระทำ ของตัวเองผลที่เกิดขึ้นก็คือพวกเขาจะแจก
  • 00:26:49
    จ่ายพฤติกรรมและบุคลิกภาพทางลบของตัวเอง ให้คุณแน่นอนครับถ้าคุณอยู่กับคนประเภท
  • 00:26:54
    นี้คุณจะรู้สึกแย่แน่ๆคุณจะรู้สึกอึดอัด คุณจะรู้สึกไม่อยากร่วมงานด้วยมันคือความ
  • 00:27:00
    ท็อกซิกที่คุณไม่อยากเจอนั่นเองแล้วจริงๆ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ฟังอยู่จะต้องเจอ
  • 00:27:06
    ครั้งใดครั้งหนึ่งในชีวิตครับกลยุทธ์ที่ 3 การแยกตัวออกมาจากสังคมครับมนุษย์เป็น
  • 00:27:13
    สัตว์สังคมใช่ไหมมครับเราอยู่รวมกันเราก็ จะรู้สึกว่ามันมีแรงขับเคลื่อนหรือแรงกด
  • 00:27:18
    ดันทางสังคมมาควบคุมพฤติกรรมของคนในกลุ่ม อยู่แต่คุณผู้ฟังเชื่อมั้ยครับว่าหนึ่งใน
  • 00:27:24
    กลยุทธ์ที่เขาจะใช้เวลาชักจงคนก็คือเค้า จะดึงคุณออกมาจากกลุ่มครับกลุ่มในที่นี้
  • 00:27:32
    อาจจะเป็นครอบครัวเพื่อนที่คุณไว้ใจอย่าง เช่นนะครับเดี๋ยวตรงนี้ผมจะอ่านแล้วผม
  • 00:27:37
    อยากให้ลองใช้วิจารณญาณดูนะครับการแยกตัว ออกจากสังคมทำให้การข่มเหงมันง่ายขึ้นวง
  • 00:27:45
    เล็บครับมากๆเพราะมันดึงเอาความช่วยเหลือ ใดๆที่คุณมีออกไปเวลาที่ใครคนหนึ่งเริ่ม
  • 00:27:51
    เป็นอันตรายมันคือการปิดทางหนีของเหยื่อ สมมุตินะครับคุณผู้ฟังผมต้องการให้คุณผู้
  • 00:27:56
    ฟังเชื่อในสิ่งที่ผมจะยัดแยดให้คุณผู้ฟัง ผมอาจจะใช้วิธีนี้เนี่ยถ้าคุณผู้ฟังเนี่ย
  • 00:28:03
    จะมาเรียนรู้กับผมคุณไปคุณออกมาจาก ครอบครัวคุณก่อนคุณไปตัดความสัมพันธ์กับ
  • 00:28:08
    คนนั้นก่อนแล้วเดี๋ยวมาเรียนรู้กับผมแล้ว เดี๋ยวมาเรียนรู้ด้วยกันคุณจะมีโอกาสสูง
  • 00:28:13
    มากที่จะเชื่อในสิ่งที่ผมพูดต่อจากนั้น ครับเพราะคุณรู้สึกว่าคุณได้ปิดทางหนีของ
  • 00:28:19
    ตัวเองไว้ด้วยตัวเองแล้วคุณตัดความ สัมพันธ์นั้นไปแล้วคุณออกจากครอบครัวของ
  • 00:28:23
    ตัวเองมาแล้วสุดท้ายคุณก็จะรู้สึกว่าผม เป็นที่พึ่งเดียวที่คุณศรัทธาเห็นมั้ครับ
  • 00:28:29
    โอ้โหผมว่าอันนี้ต้องใช้วิจารณญาณเยอะเลย แต่มันสรุปได้ครับว่าเวลาที่คุณผู้ฟังออก
  • 00:28:35
    มาจากสภาพแวดล้อมที่ตัวเองคุ้นเคยคุณจะ สูญเสียอำนาจในการควบคุมมันจะไปเพิ่ม
  • 00:28:41
    อำนาจที่ผู้ข่มเหงหรือชักจูงมีสูงมากขึ้น มันทำให้เหยื่อต้องพึ่งพาผู้ข่มเห็นมาก
  • 00:28:47
    ขึ้นและตรงนี้ครับผมอยากให้ทุกท่านฟังให้ ดีนะครับวิธีการแยกเหยื่อออกมาจากโลกภาย
  • 00:28:53
    นอกถูกนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางโดยผู้ชัก จูงทุกประเภทครับเวลาที่ผู้นำลัทธิพยายาม
  • 00:29:00
    ปลูกฝังความเชื่อให้กับสมาชิกใหม่ที่ยัง เด็กเขาจะทำให้แน่ใจว่าสมาชิกเหล่านั้น
  • 00:29:05
    ถูกแยกออกไปเพื่อที่เขาจะได้ทำการชักจูง ได้ง่ายขึ้นในที่ทำงานผู้ชักจูงอาจสร้าง
  • 00:29:12
    ความเกลียดชังระหว่างคุณกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้โกรธคุณแล้วเลิก
  • 00:29:17
    เข้าข้างคุณหรือระวังหลังให้คุณคุณก็จะ สูญเสียเพื่อนร่วมงานไปเลยถ้าคุณเข้าร่วม
  • 00:29:22
    กับลัทธินอกศาสนาหรือกลุ่มคนประเภทใดก็ แล้วแต่หากผู้นำเป็นคนชอบชักจูงผู้อื่น
  • 00:29:28
    เขาอาจกำหนดให้คุณตัดสายสัมพันธ์กับ ครอบครัวและเพื่อนๆแล้วพึ่งพาเพียงผู้คน
  • 00:29:33
    ภายในกลุ่มเท่านั้นแล้วทีนี้ครับคุณก็จะ รู้สึกเลยว่าคุณผูกพันกับกลุ่มนี้มาก
  • 00:29:38
    เพราะคุณไม่มีที่พึ่งอื่นแล้วการชักจูง อะไรมันก็แทบจะสำฤทธิ์ผล 100% มันจึงเป็น
  • 00:29:44
    ศัพท์ันึงในตำราพิชัยสงครามก็คือแบ่งแยก ค่าศึกเพื่อเอาชนะรูปแบบนั้นเลยครับมัน
  • 00:29:50
    เป็นรูปแบบหนึ่งของการทำให้โดดเดี่ยวที่ ถูกนำมาใช้โดยผู้คนที่มีบุคลิกแบบไหนครับ
  • 00:29:54
    ลองเดาดูคนแบบไหนที่จะใช้กลยุทธ์นี้ส่วน ใหญ่จะเป็นแบบมาลี่ครับเริ่มน่ากลัวแล้ว
  • 00:30:01
    ใช่ไหมมครับโดยเฉพาะในตัวอย่างนี้แหละ ครับผู้ชักจูงจะใช้ความโดดเดี่ยวเป็นดาบ
  • 00:30:06
    2องคมเพื่อเข้าควบคุมทั้ง 2 ฝ่ายที่กำลัง ถูกแยกออกจากกันแล้วก็จะยังมีวิธีอื่นๆ
  • 00:30:11
    อีกนะครับอย่างเช่นการลงโทษการลงโทษก็คือ เป็นการกระทำในทางลบที่กระทำโดยผู้ชักจูง
  • 00:30:18
    คุณอาจจะเคยโดนลงโทษอะไรบางอย่างมาจากวัย เด็กหรือวัยทำงานซึ่งการลงโทษมันก็เป็น
  • 00:30:23
    อีกรูปแบบหนึ่งในการชักจูงคนนะครับแต่บาง ครั้งก็ต้องยอมรับว่ามันก็มีความจำเป็น
  • 00:30:29
    แต่ในบางครั้งก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นการ กระทำเพื่อที่จะสร้างผลประโยชน์บางอย่าง
  • 00:30:34
    ให้เจ้าตัวเองอย่างต่อไปก็คือการแผนเสียง การตะคอกการขึ้นเสียงการใช้อารมณ์โกรธ
  • 00:30:43
    นั่นเองเขว่ากันว่านะครับการใช้อารมณ์ โกรธคือการกระทำที่ต้นทุนต่ำที่สุดเพื่อ
  • 00:30:49
    ที่จะทำให้อีกฝ่ายทำในสิ่งที่คนๆนั้น ปรารถนาการแผ่เศียรมันก็เป็นอีกการชักจูง
  • 00:30:55
    นะครับสมมุติผมต้องการให้คุณผู้ฟังทำอะไร แล้วผมโกรธผมอยากจะบังคับถ้าผมไปตะคอกใส่
  • 00:31:02
    คุณก็จะรู้สึกกลัวจะรู้สึกหวาดระแวงได้ ง่ายมากขึ้นมันก็เป็นอีกรูปแบบนึแต่ถาม
  • 00:31:08
    ว่ามันมีข้อเสียมยแน่นอนครับการใช้อารมณ์ มันอาจจะทำให้คุณทำในสิ่งที่ผมต้องการก็
  • 00:31:13
    จริงแต่สุดท้ายคุณก็จะรู้สึกว่าผมเป็นคน ไม่น่าไว้ใจผมเป็นคนที่อยู่ด้วยและอึดอัด
  • 00:31:18
    ผมก็จะเสียความสัมพันธ์ไปได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าหากคนคนนั้นเป็นคนที่ต้องการผล
  • 00:31:22
    ประโยชน์แล้วก็ไม่สนว่าคุณจะชอบหรือไม่ ชอบแล้วเมีอำนาจเหนือคุณด้วยการแผ่เสีย
  • 00:31:28
    ของเขาจะชักจงคุณได้เกือบ 100% เลยทีนี้ ผมได้อธิบายไปแล้วว่าบุคคลิกภาพของคนที่
  • 00:31:35
    ชอบชักจูงคนเป็นแบบไหนแล้วชีวิตประจำวัน คุณอาจจะเจอสถานการณ์แบบไหนบ้างแล้วมันมี
  • 00:31:41
    รูปแบบอะไรบ้างล่ะที่จะทำให้คุณถูกชักจูง ซึ่งผมได้อธิบายไปแล้วในส่วนต่อไปครับข้อ
  • 00:31:47
    นี้น่าสนใจคนแบบไหนล่ะที่จะถูกชักจูงได้ ง่ายมากหรือใช้คำว่าซื่อแล้วกันครับไม่
  • 00:31:54
    ค่อยทันคนบุคลิกภาพเฉพาะบุคคลของเหยื่อ ที่คนชอบชักจงโปรดปรานคุณผู้ฟังมีหนึ่งใน
  • 00:32:01
    กฎข้อนี้หรือเปล่าถ้าคุณมีนะครับคุณอาจจะ ถูกชักจงได้ง่ายแล้วเดี๋ยวเราจะมาหาวิธี
  • 00:32:06
    แก้กันประเภทที่ 1 ครับเดี๋ยวเขาบอกกัน ว่ามามันจะมีอยู่ 6 ลักษณะของเหยื่อยอด
  • 00:32:12
    นิยมนะครับที่ถ้าใครมีหนึ่งในลักษณะเนี้ย จะเป็นที่โปรดปรานของนักต้มตุ๋นหรือคนชอบ
  • 00:32:17
    ชักจูงมาก 1 เป็นคนที่รู้สึกไม่มั่นคงและ มีความปลอบปางทางอารมณ์เป็นคนอ่อนไวง่าย
  • 00:32:24
    นั่นเองผู้ชักจูงชอบมุ่งเป้าไปยังเหยื่อ ที่ความไม่มั่นคงทางอารมณ์หรือมีความ
  • 00:32:29
    เปราะบางทางอารมณ์สูงโชคร้ายสำหรับเหยื่อ เหล่านั้นที่บุคลิกภาพดังกล่าวมันดูได้
  • 00:32:35
    ง่ายครับแม้แต่ในคนแปลกหน้าคุณก็ดูได้นะ ครับว่าใครเป็นคนที่อ่อนไวง่ายสิ่งเหล่า
  • 00:32:40
    นี้เรารู้กันได้จากสัญชาตญาณครับแค่ต้อง สังเกตเท่านั้นเองผมจะเล่าถึงภาพของความ
  • 00:32:46
    ปลอบางทางอารมณ์หากใครก็ตามนะครับที่เจอ เรื่องเล็กๆน้อยๆก็จะเครียดหนักเลยหรือ
  • 00:32:54
    ร้องไห้ง่ายมากคิดเล็กคิดน้อยง่ายมากมัน อาจจะจะมีส่วนที่ดีครับคุณเป็นคนที่อ่อน
  • 00:33:01
    ไหวแล้วก็เข้าอกเข้าใจผู้อื่นแต่ในขณะ เดียวกันการที่คุณเป็นคนปลอบบางทางอารมณ์
  • 00:33:06
    มันจะทำให้คุณลืมมองภาพความเป็นจริงไป ด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนๆนึงกำลัง
  • 00:33:12
    อยู่ในสภาวะอะอกหักกำลังเจอสิ่งที่มันไป ทำลายอารมณ์ภายในของเขาช่วงเวลานั้นจะ
  • 00:33:19
    เป็นช่วงเวลาที่คนๆนั้นเปราะบางมากคุณผู้ ฟังเคยเจอโมเมนต์นี้มั้ยครับเวลาคุณอกหัก
  • 00:33:25
    ใหม่ๆเวลามีใครเข้ามาฮีลใจคุณคุณจะรู้สึก ชอบคนนั้นได้ง่ายมากมันเป็นเพราะกำแพงทาง
  • 00:33:30
    อารมณ์ของคุณมันถูกกดให้ต่ำลงโดยไม่รู้ ตัวนั่นเองดังนั้นคนที่อ่อนไหวง่ายหรือมี
  • 00:33:37
    ความปลอบบางทางอารมณ์มักจะถูกหลอกได้ง่าย ประเภทที่ 2 คนที่อ่อนไหวง่ายครับจะคล้าย
  • 00:33:43
    ๆประเภทที่แล้วแต่เขาว่ากันว่าคนที่อ่อน ไวง่ายเป็นคนที่ประมวลข้อมูลในระดับที่
  • 00:33:49
    ลึกกว่าและตระหนักถึงความละเอียดอ่อนใน พลวัตทางสังคมพวกเขามีคุณสมบัติทางบวก
  • 00:33:54
    ครับเวลาเห็นใครร้องไห้ก็จะรู้สึกแบบนั้น ได้รวดเร็วมากไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
  • 00:34:01
    คนแบบนี้จะไม่ชอบความรุนแรงหรือความโหด ร้ายไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดๆพวกเขาก็อารมณ์
  • 00:34:07
    เสียได้ง่ายต่อข่าวที่เป็นหายนะคนที่อ่อน ไหวง่ายมีแนวโน้มที่จะกลัวได้ง่ายครับคุณ
  • 00:34:12
    ผู้ฟังพวกเขามีปฏิกิริยาสะดุ้งตกใจที่ ง่ายสมมุติผมไปขอร้องอะไรเนี่ยถ้าอ้อน
  • 00:34:18
    หน่อยถ้าเขาคยอมง่ายเกินไปนั่นแหละครับ คือความอ่อนไหวที่เขามีดังนั้นถ้าคุณเป็น
  • 00:34:25
    คนที่มีอารมณ์อ่อนไหวคุณสมบัตินี้มันยาก ที่จะปกปิดครับและคนชั่วนะครับย้ำนะครับ
  • 00:34:30
    คนชั่วจะมองเห็นมันได้จากระยะห่างออกไป เป็นกิโลเลยครับแล้วคุณผู้ฟังเชื่อมั้ย
  • 00:34:35
    ครับว่าคนอ่อนไหวง่ายมักจะเป็นคนประเภท ไหนครับคำตอบนะครับอเวร์ครับอเวร์จริงๆ
  • 00:34:43
    เป็นคนอ่อนไหวง่ายนะครับเวลาเขาคไปอยู่ใน สังคมแล้วเขาจะรู้สึกเหนื่อยเพราะเขาคถูก
  • 00:34:49
    กระตุ้นหรือถูกเร้าจากสภาพแวดล้อมทาง สังคมได้ง่ายมากดังนั้นลักษณะของพวกเขาก็
  • 00:34:54
    คือชอบเป็นคนเก็บตัวชอบที่จะไม่แสดงออก เพราะสิ่งปลุกเร้าทางสังคมทำให้มันเป็น
  • 00:34:59
    เรื่องเหนื่อยใจมากผู้ชอบชักจูงที่มองหา ทางควบคุมคนอื่นมีแนวโน้มมากครับที่จะ
  • 00:35:05
    มุ่งเป้าไปทางคนที่ชอบเก็บเนื้อเก็บตัว เพราะคุณสมบัตินั้นทำให้ง่ายที่แยกคนที่
  • 00:35:11
    เป็นเหยื่อออกมาจะมีภาพานึงที่ผมนึกออกก็ คือเเล่ากันว่าสมมุติคุณจะไปขายของอะไร
  • 00:35:17
    สักอย่างแล้วถ้ามีบ้านนึงติดป้ายว่าไม่ ต้อนรับเซล์ขายของนั่นแหละครับคือบ้านที่
  • 00:35:23
    คุณขายของได้ง่ายที่สุดเพราะเขาต้านทาน อารมณ์ไม่ไหวถ้าเกิดมีใครมาขายอะไรให้เขา
  • 00:35:29
    ก็ตามนี่คือลักษณะที่ 2 นะครับลักษณะที่ 3 คนที่เอาใจเขามาใส่ใจเราครับการมี empathy
  • 00:35:37
    มันก็อาจจะมีข้อเสียกับตัวคุณด้วยจริงมั้ ครับเว่ากันว่าคนที่รู้จักเอาใจเขามาใส่
  • 00:35:43
    ใจเราโดยทั่วไปแล้วก็เหมือนกับคนที่อ่อน ไวง่ายนอกจากพวกเขาปรับให้เข้ากับความรู้
  • 00:35:47
    สึกของคนอื่นและพลังงานรอบตัวเองได้พวก เขายังมีแนวโน้มที่จะซึมซับความทุกข์ยาก
  • 00:35:53
    ของผู้อื่นไว้ภายในจนถึงจุดที่มันกลาย เป็นตัวของตัวเองได้ด้วยสมมุตินะครับคุณ
  • 00:35:58
    ผู้ฟังผมเ่อเสียใจกับเรื่องหนึ่งมากแล้ว ผมไปคุยกับคุณผู้ฟังผมไประบายเรื่องนี้
  • 00:36:03
    ให้ฟังถ้าคุณเป็นคนที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ในระดับที่สูงเกินพอดีคุณจะรู้สึกทุกข์
  • 00:36:09
    แบบผมด้วยแล้วคุณก็จะรู้สึกไม่ดีทั้งที่ ความเป็นจริงปัญหามันเกิดขึ้นกับใครครับ
  • 00:36:15
    เกิดขึ้นกับผมมันก็มีข้อเสียใช่ไหมมครับ คนชั่วสามารถเสแสร้งอารมณ์บางอย่างได้และ
  • 00:36:21
    ถ่ายทอบอารมณ์นั้นไปอย่างคนที่เอาใจเขามา ใส่ใจเราผู้ดรู้สึกถึงมันเรากับมันเป็น
  • 00:36:27
    เรื่องจริงมักจะเปิดกว้างให้กับคนที่ชอบ แสวงหาผลประโยชน์คนที่เอาใจเขามาใส่ใจเรา
  • 00:36:33
    มักจะเป็นอีกเป้าหมายยอดนิยมของคนคดโกง เพราะพวกเขารู้สึกอย่างลึกซึ้งต่อผู้อื่น
  • 00:36:39
    คนคดโกงแต่งเรื่องราวเกี่ยวกับความยุ่ง ยากทางการเงินขึ้นมาแล้วก็ช้อโกงนั่นก็
  • 00:36:44
    คือสิ่งที่เกิดขึ้นครับลักษณะที่ 4 กลัว ความโดดเดี่ยวครับคนที่กลัวความโดดเดี่ยว
  • 00:36:50
    ก็เป็นอีกกลุ่มนึงนะครับที่โดนเล็งได้ ง่ายเหมือนกันผู้คนมากมายกลัวที่จะอยู่
  • 00:36:55
    ตามลำพังแต่ความกลัวนี้สูงกว่าในคนกลุ่ม น้อยความกลัวประเภทนี้ทำให้คนที่ประสบกับ
  • 00:37:01
    มันรู้สึกเหงารู้สึกเครียดทั้งที่ความ เป็นจริงมันอาจจะไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นรอบ
  • 00:37:06
    ตัวเขาเลยส่วนใหญ่ครับผมว่าคนกลัวความโดด เดี่ยวมักจะมีปัญหาในเรื่องของความ
  • 00:37:11
    สัมพันธ์เชิงคู่รักมีผู้คนมากมายนะครับ คุณผู้ฟังที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่
  • 00:37:16
    ปกติเพราะเคกลัวว่าเขาจะไม่สามารถหาคนที่ เขารักได้อีกแล้วทั้งที่ความเป็นจริงเขา
  • 00:37:22
    ก็หาได้ครับบางทีเา้าอาจจะรู้สึกว่าถ้าเา เลิกกับคนคนนั้นถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นคนที่
  • 00:37:27
    ไม่ดีทำร้ายจิตใจทำร้ายร่างกายเขาเขาก็ ไม่กล้าเลิกเพราะเขากลัวอะไรครับกลัวความ
  • 00:37:33
    โดดเดี่ยวเห็นมั้ยครับผู้ชักจูมองเห็น ความกลัวในเหยื่อได้ในสิ่งนี้และพวกเขาา
  • 00:37:38
    ก็มักทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำได้ให้มันโหม กระพือต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่ามันทำให้คนๆ
  • 00:37:44
    นั้นกลัวการอยู่ตามลำพังอย่างเดิมเขา เขียนเอาไว้ว่าผู้คนที่มีปัญหากับการถูก
  • 00:37:49
    ทอดดทิ้งที่เกิดจากวัยเด็กมีแนวโน้มที่จะ ประสบกับความหวาดกลัวในระดับสูงครับคน
  • 00:37:55
    จำนวนมากจบลงที่คงอยู่ในความสัมพันธ์ที่ มีการทำร้ายกันและไม่ปกติเพราะพวกเขากลัว
  • 00:38:01
    ว่าจะถูกแยกออกจากกันลักษณะที่ 5 ครับที่ เป็นที่โปรดปรานของนักต้มตุ่นะกันคนที่
  • 00:38:09
    กลัวการทำให้คนอื่นผิดหวังครับโอ้อันนี้ ก็เป็นอีกสิ่งนึงที่เราอยากจะมาคุยกันมาก
  • 00:38:14
    เลยหากคุณใช้ชีวิตด้วยการตอบสนองทุกความ ปรารถนาของทุกคนเลยคุณอาจจะตกอยู่ใน
  • 00:38:20
    ลักษณะนี้เรามักจะรู้สึกถึงภาระผูกพันบาง อย่างต่อผู้คนในชีวิตของเราโดยเฉพาะอย่าง
  • 00:38:26
    ยิ่งคนใกล้ตัวแต่มีบางคนกลัวมากที่จะทำ ให้คนอื่นผิดหวังกลัวมากๆเลยครับความกลัว
  • 00:38:33
    ประเภทนี้เหมือนกับกลัวอับอายขายหน้ากลัว การถูกปฏิเสธเพราะหมายความว่าคนๆนั้นให้
  • 00:38:39
    ความสำคัญกับการที่คนอื่นมองเขาอย่างไร ความกลัวจะทำให้คนอื่นผิดหวังเกิดขึ้นได้
  • 00:38:45
    ตามธรรมชาติครับแล้วมันอาจจะมีประโยชน์ใน บางสถานการณ์นะครับพ่อแม่ผู้กลัวว่าจะทำ
  • 00:38:50
    ให้ครอบครัวผิดหวังก็จะทำงานหนักขึ้น เพื่อหาเลี้ยงเด็กที่กลัวว่าจะทำให้พ่อ
  • 00:38:55
    แม่ผิดหวังก็จะเรียนหนักขึ้นที่โรงเรียน ในกรณีนี้มันอาจจะมีข้อดีอยู่แต่ครับแต่
  • 00:39:02
    ถ้ามันเป็นในแง่ที่ร้ายมากเกินไปคุณอาจจะ ไม่มีทางกล้าใช้ชีวิตหรือกล้าตัดสินใจใน
  • 00:39:08
    เรื่องของตัวเองเลยเพราะคุณพบว่ากลัวทำ ให้คนอื่นผิดหวังหากนักต้มตุ่นรู้สิ่งนี้
  • 00:39:15
    พวกเขาจะพยายามจัดคุณไว้ในตำแหน่งที่คุณ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนี้อะไรบางอย่าง
  • 00:39:19
    ต่อพวกเขาพวกเขาจะทำอะไรบางอย่างให้คุณ แล้วจากนั้นก็จะชักจงคุณให้เชื่อว่าคุณมี
  • 00:39:24
    ความรู้สึกถึงพันธะต่อเขาจากนั้นพวกเขาก็ จะทำให้คุณรู้สึกผิดจนต้องยินยอมตามการ
  • 00:39:30
    เรียกร้องของพวกเขาและบางทีเราอาจจะเจอ สถานการณ์ที่ว่านี้ด้วยก็ได้ครับเรามาถึง
  • 00:39:36
    บุคลิกภาพสุดท้ายนะครับของคนที่เป็นที่ นิยมชมชอบของนักต้มตุ๋นบุคลิกภาพแบบพึ่ง
  • 00:39:43
    พาและการพึ่งพาทางอารมณ์เขาบอกว่า บุคลิกภาพแบบต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นหมาย
  • 00:39:48
    ถึงความผิดปกติอย่างแท้จริงที่แสดงออกโดย คนที่มีความต้องการเกินพอดีและต้องการได้
  • 00:39:53
    รับการดูแลอย่างมากความต้องการนี้บ่อย ครั้งที่พาคนคนนึงไปสู่การยอมจำนนต่อผู้
  • 00:39:59
    คนเปรียบเสมือนเด็กคนนึงครับที่โตเป็นผู้ ใหญ่มากแล้วแต่ไม่สามารถที่จะดูแลตัวเอง
  • 00:40:05
    หรือควบคุมชีวิตตัวเองได้อาจจะต้องอาศัย คุณพ่อคุณแม่ไปทั้งชีวิตอาศัยผู้อื่นตัด
  • 00:40:10
    สินใจชีวิตตัวเองไม่ได้บุคลิกแบบนี้นัก ต้มตุนก็ชอบเหมือนกันครับเพราะอ่ะงั้น
  • 00:40:15
    เดี๋ยวเราทำให้ตัวเราสามารถทำให้เหยื่อ พึ่งพาได้เท่านี้เหยื่อก็เชื่อใจเราแล้ว
  • 00:40:20
    เห็นมั้ยครับมันโดนหลอกได้ง่ายนั่นเองเค เขียนไว้เลยว่าคนแบบนี้จะตัดสินใจในชีวิต
  • 00:40:24
    ได้อย่างยากลำบากแม้แต่เวลาที่จะจัดัดการ กับเรื่องง่ายๆอย่างการเลือกเสื้อผ้าใส่
  • 00:40:29
    พวกเขาเวลาจะทำอะไรต้องการคำยืนยันและคำ ปรึกษาอยู่เสมอและจะปล่อยให้ผู้อื่นเป็น
  • 00:40:35
    ผู้นำชีวิตของเขาคนประเภทนี้แหละครับก็จะ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังคำถามก็
  • 00:40:41
    คือมันเริ่มต้นมาจากตรงไหนเจ้าความรู้สึก การพึ่งพาทางอารมณ์มันเริ่มมาจากความ
  • 00:40:46
    เชื่อมั่นในตัวเองที่ต่ำและมักเป็นผลมา จากปัญหาการถูกทอดทิ้งในวัยเด็กผู้คนที่
  • 00:40:51
    พึ่งพาผู้อื่นทางอารมณ์จะแสดงบทว่านอนสอน ง่ายในความสัมพันธ์ด้วยความกลัวว่าจะเสีย
  • 00:40:56
    คู่ของตัวเองไปพวกเขามีแนวโน้มที่จะยอมทำ ตามทุกอย่างเพราะอยากเอาใจผู้คนในชีวิต
  • 00:41:02
    ของเขามันจึงง่ายที่จะชักจูงแต่ถ้าใครมี บุคลิกแบบนี้ก็จะต้องเสียความพึงพอใจและ
  • 00:41:09
    เสียอำนาจในการควบคุมชีวิตของตัวเองทีนี้ ผมจะพูดถึงบทสุดท้ายครับคุณผู้ฟังเรา
  • 00:41:15
    เรียนรู้มาสักพักนึงแล้วแล้วถ้าเรา ต้องการทำให้ตัวเราสามารถต้านทานการชัก
  • 00:41:20
    จูงหรือการต้มตุ๋นการหลอกลวงจากผู้อื่น ได้ทำยังไงได้บ้างบทนี้ครับบทบาทของการ
  • 00:41:27
    ป้องกันตัวข้อที่ 1 การยอมรับยอมรับใน ความเป็นจริงยอมรับในตัวเองยอมรับในความ
  • 00:41:35
    ไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองมันคือการยอมรับ ครับเขาบอกว่ารูปแบบที่สุดของการยอมรับ
  • 00:41:40
    คือการยอมรับตัวเองมันหมายถึงสภาพของความ พึงพอใจกับตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็นอยู่
  • 00:41:46
    ในเวลานี้การยอมรับตัวเองมันทำให้คุณมี Self esteem หรือความเคารบตัวเองสูงมาก
  • 00:41:52
    ขึ้นมันจะทำให้คุณสนับสนุนตัวตนและการตัด สินใจของตัวเองมากขึ้นแทแทนที่คุณจะตำหนิ
  • 00:41:58
    ตัวเองตลอดเวลาหรือแทนที่คุณจะอยากเป็นคน อื่นถ้าคุณยอมรับตัวเองคุณก็จะเข้าใจว่า
  • 00:42:05
    คุณสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เพราะคนส่วน ใหญ่มีปัญหาในการยอมรับของตัวเองนะครับ
  • 00:42:10
    เราทั้งหมดดิ้นรนอยู่ตลอดเวลาที่จะปรับ ปรุงตัวเองเราอยากประสบความสำเร็จขึ้น
  • 00:42:14
    อยากร่ำรวยขึ้นอยากมีเสน่ห์มากขึ้นแต่ ท้ายที่สุดเรากลับปล่อยให้ความปรารถนาเรา
  • 00:42:19
    นั้นมาบงการให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ ต้องการเพราะสุดท้ายแล้วเรามักจะถูกชัก
  • 00:42:25
    จูงได้ง่ายหากนักชักจูงคนนั้นโจมตีที่ ความบกพร่องของเราเพื่อป้องกันการถูกชัก
  • 00:42:31
    จูงคุณจึงต้องยอมรับความเป็นจริงให้ได้ เสียก่อนคนมีแนวโน้มที่จะคิดว่าถ้าเขายอม
  • 00:42:37
    รับตัวเองแล้วเขาจะไม่ปรับปรุงอะไรเพิ่ม ขึ้นแต่เขาบอกเลยว่านั่นไม่เป็นความจริง
  • 00:42:41
    ครับการยอมรับตัวเองจะทำให้คุณยอมรับข้อ บกพร่องของคุณเสียก่อนและนั่นก็ให้การควบ
  • 00:42:47
    คุมชีวิตของคุณเพิ่มสูงขึ้นครับคุณจะ เริ่มอยากปรับปรุงตัวเองจากภายในเพราะคุณ
  • 00:42:52
    รู้แล้วว่าเนี่ยคือข้อบกพร่องของเราแลเรา ก็เข้าใจว่ามันอาจจะยังไม่ดีตอนนี้แต่เรา
  • 00:42:57
    สามารถทำให้มันพัฒนามากขึ้นได้และคุณก็ทำ เพื่อตัวเองด้วยไม่ใช่ทำเพื่อคนอื่นวิธี
  • 00:43:03
    ที่ 2 เพิ่มการตระหนักรู้ครับมันคือการ กลับเข้าไปฟังเสียงเสียนึงครับซึ่งเป็น
  • 00:43:10
    เสียงที่เราทุกคนควรฟังมากที่สุดมันคือ เสียงสัญชาตญาณของเราครับการเพิ่มการ
  • 00:43:16
    ตระหนักรู้ของคุณหมายถึงมีระดับความตื่น ตัวที่สูงขึ้นเพื่อทำความเข้าใจว่าทำไม
  • 00:43:22
    ตอนนี้คุณถึงรู้สึกแบบนี้มันมีอะไรเกิด ขึ้นในโลกรอบๆตัวของคุณบ้างมันอาจจะหมาย
  • 00:43:28
    ถึงการให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดต่อสภาพแวด ล้อมของคุณนั่นเองเพื่อให้ตื่นตัวจากคน
  • 00:43:35
    ที่ชอบชักจูงหรือคนที่ชอบหลอกลวงนะครับ คุณต้องเข้าถึงการตระหนักรู้บางทีคุณอาจ
  • 00:43:41
    จะสงสัยในการตอบสนองของอีกฝ่ายหนึ่งเรา ไม่ได้กำลังให้คุณกลายเป็นคนระแวงครับแต่
  • 00:43:49
    เราควรมองคนแต่ละคนที่มีปฏิสัมพันธ์ด้วย ให้ลึกมากขึ้นพยายามศึกษาภาษากายและคำพูด
  • 00:43:56
    ของเค้าแล้วพยายามมองว่าพวกเขากำลังซ่อน อะไรบางอย่างไว้หรือเปล่าดังนั้นครับคุณ
  • 00:44:01
    ผู้ฟังการตระหนักรู้ในตัวเองเป็นเรื่อง เกี่ยวกับความเข้าใจในตัวเองมันเกี่ยวกับ
  • 00:44:05
    การมีแนวคิดที่ชัดเจนและจุดยืนของคุณคุณ ต้องตรวจสอบตัวเองบ่อยๆครับเพราะจริงๆ
  • 00:44:11
    แล้วจุดยืนหรือการตระหนักรู้ของเราความ เชื่อมั่นของเรามันถูกสั่นคลอนได้ง่ายมาก
  • 00:44:15
    และถ้าคุณไม่เคยกลับมาทบทวนเลยว่าทำไมตอน นี้อยู่ดีๆคุณรู้สึกไม่สบายใจหรือรู้สึก
  • 00:44:20
    อึดอัดถ้าคุณไม่กลับมาทบทวนสิ่งนี้บ่อยๆ คุณจะหลงทำในสิ่งที่คนมาชักจูงคุณให้ทำ
  • 00:44:27
    และบางครั้งการชักจูงนั้นคุณเพิ่งมาเจอผล ลัพธ์ว่ามันทำให้คุณเจอผลเสียในขณะที่อีก
  • 00:44:33
    ฝ่ายตั้งใจที่จะเอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง วิธีที่ 3 ครับแยกออกมาด้วยความรักแยกออก
  • 00:44:40
    มาด้วยความรักในที่นี้ก็คือมันเป็นเรื่อง ของการคุณรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเขาชักจูงคุณ
  • 00:44:45
    แล้วคุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แล้วการชักจูงนั้นมันก็ไม่ใช่ธุระของเขา
  • 00:44:50
    เลยที่จะมาก้าวก่ายเรื่องของคุณวิธีที่ดี ที่สุดอย่างนึงก็คือหากอะไรก็ตามที่คุณทำ
  • 00:44:55
    แลรู้ว่ามันเป็นผลลัธครับที่คุณจะต้องรับ ผิดชอบคนเดียวใครจะคิดอย่างไรมันก็เป็น
  • 00:45:00
    ธุระของเขาแหละครับเขาอาจจะชักโจงด้วย ความโกรธเขาอาจจะโกรธคุณทำไมคุณถึงทำแบบ
  • 00:45:05
    นี้แต่คุณก็รู้ว่าก็นี่มันธุระของคุณแยก ออกมาครับเาจะรู้สึกอย่างไรก็เรื่องของ
  • 00:45:11
    เขาแต่คุณสนใจแค่เรื่องของคุณเท่านั้นเอง จุดประสงค์ก็คือเพื่อหยุดความพยายามที่
  • 00:45:17
    อีกฝ่ายจะควบคุมชีวิตของคุณแล้วผมกล้าบอก เลยครับการแยกออกมาจากความรักนะครับ
  • 00:45:22
    สามารถปกป้องคุณจากการถูกชักจงได้หลายทาง มากมีคนที่ชอบชักจงด้วยการก้าวก่าชีวิต
  • 00:45:28
    คุณต้องการเอาเปรียบคุณให้คุณมารับผิดชอบ อะไรสักอย่างที่เขาทำเราพูดไปเยอะมากเลย
  • 00:45:33
    ครับในหนังสือเล่มนี้พวกเขาต้องการให้โลก ทั้งใบของคุณหมุนรอบตัวของเขาพวกเขา
  • 00:45:38
    ต้องการให้คุณให้ความสนใจทั้งหมดแก่เขา นั่นคือวิธีที่พวกเขาจะควบคุมคุณดังนั้น
  • 00:45:44
    แยกตัวออกมาเลยครับเท่านั้นเลยครับหากคุณ ทำสิ่งนี้ได้ซึ่งบางครั้งมันอาจจะมีความ
  • 00:45:49
    ยากอยู่แต่หากคุณแยกออกมาได้แล้วคุณรู้ แล้วว่ามันไม่ใช่ธุระที่คุณจะต้องไปจัด
  • 00:45:55
    การแล้วหรือมันไม่ใช่ธุระที่เขาจะต้องมา ยุ่งไม่ต้องไปสนใจครับแยกออกมาสมมุติคุณ
  • 00:46:01
    ผู้ฟังเห็นใครสักคนที่มีบุคลิกที่เรียก ร้องความสนใจแล้วคุณก็รู้สึกสงสารอยากจะ
  • 00:46:07
    เข้าไปช่วยบางทีการที่คุณเข้าไปช่วยอาจจะ เป็นหนึ่งในจุดประสงค์ที่เขาต้องการก็ได้
  • 00:46:12
    ครับแต่ถ้าคุณรู้แล้วว่าโอเคคุณทำอะไรไม่ ได้จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ธุระของคุณด้วย
  • 00:46:17
    การที่คุณแยกออกมาจะทำให้คุณมีแต้มต่อมาก กว่าและที่สำคัญคือคุณไม่ต้องไปเครียดใน
  • 00:46:23
    เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องด้วยครับวิธีที่ 4 การสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองครับเราทุก
  • 00:46:30
    คนป้องกันการถูกชักจูงได้ด้วยการสร้าง ความเชื่อมั่นในตัวเองผู้คนมีแนวโน้มที่
  • 00:46:35
    จะด้อยาบวิธีการสร้างความเชื่อมั่นในตัว เองครับแต่การเชื่อมั่นในตัวเองในที่นี้
  • 00:46:40
    ก็คือความสามารถที่จะควบคุมชีวิตตัวเอง ใครที่ไม่สามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้ต้อง
  • 00:46:48
    พึ่งพาการยอมรับจากคนอื่นหรือต้องทำตาม ความคาดหวังของคนอื่นตลอดเวลาความเชื่อ
  • 00:46:54
    มั่นในตัวเองมันจะหายไปครับมันจะลดลงไป เยอะมากดังนั้นวิธีการสร้างความเชื่อมั่น
  • 00:47:01
    ในตัวเองคือการพยายามพัฒนาตัวเองควบคุม ตัวเองตัดสินใจสิ่งสำคัญในชีวิตโดยไม่
  • 00:47:08
    ต้องถูกบงกจากความคาดหวังของผู้อื่นนี่ แหละครับจะทำให้คุณได้ Self esteem มาผม
  • 00:47:14
    เลยสรุปได้แบบนี้ครับคุณสามารถสร้างความ เชื่อมั่นในตัวเองได้ด้วยการเลี่ยงการ
  • 00:47:19
    เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นคนที่ชอบชัก จูงจะเก่งมากครับในการใช้ความปรารถนาของ
  • 00:47:23
    คุณเป็นเหยื่อเวลาที่คุณปรารถนาสิ่งนั้น สิ่งนี้เขาจะมองว่าเนี่ยเป็นโอกาสดีที่
  • 00:47:28
    คุณจะได้สิ่งนั้นแล้วนะเค้าก็จะใช้วิธี นั้นแหละครับและเพื่อสร้างความเชื่อมั่น
  • 00:47:32
    ในตัวเองคุณก็จะต้องทำอะไรที่เป็นของคุณ เองคุณควรไล่ตามความสนใจของตัวเองและ
  • 00:47:38
    สร้างเป้าหมายของตัวเองอย่าใช้ชีวิตของ คุณด้วยการวัดมันกับคนอื่นรวมไปถึงการ
  • 00:47:44
    ระมัดระวังคนที่คุนคบค้าสมาคมด้วยพาตัว เองไปแวดล้อมคนในทางบวกนะครับคนที่ดีคน
  • 00:47:51
    ที่ให้แรงบันดาลใจกับคุณผู้คนที่ทำให้คุณ มีความสุขนั่นเองพยายามรักษาระยะห่างกับ
  • 00:47:57
    คนที่เป็นไปในทางลบหรือผู้กวนประสาทคุณ ไว้ห่างๆนอกจากนี้ครับเวลาคุณอยู่คนเดียว
  • 00:48:03
    คุณก็ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นในตัว เองได้ด้วยการออกกำลังกายครับฮแน่มัน
  • 00:48:09
    เกี่ยวอะไรกันการศึกษาค้นคว้าแสดงให้เห็น ว่าเวลาที่คุณออกกำลังกายนะครับคุณจะมี
  • 00:48:14
    แรงจูงใจมากขึ้นมั่นใจมากขึ้นแล้วรู้สึก ว่าคุณควบคุมชีวิตของตัวเองได้เพราะการ
  • 00:48:19
    ตื่นมาออกกำลังกายมันยากมากเลยครับแต่ถ้า คุณทำได้คุณจะรู้สึกว่าชีวิตนี้คุณคือผู้
  • 00:48:25
    กุ่มบังเหียนพวงมาลัยชีวิตของของตัวเอง แล้วมันทำให้คุณได้ฮอร์โมนรู้สึกดีมาครับ
  • 00:48:29
    วิธีต่อไปครับเปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาตอบ สนองเพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกชักจูงมี
  • 00:48:37
    สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่คุณต้องตระหนัก นั่นก็คือคนคนเดียวในชีวิตที่คุณควบคุม
  • 00:48:42
    ได้ก็คือตัวคุณเองครับคุณควบคุมว่าคนอื่น จะพูดอะไรหรือทำอะไรกับคุณไม่ได้แม้ว่า
  • 00:48:49
    คุณจะเป็นเหยื่อและใครคนหนึ่งจำกัดทาง เลือกของคุณเป็นอย่างมากแต่ท้ายที่สุด
  • 00:48:54
    อำนาจในการเลือกว่าจะทำอย่างไรหรือแสดง ปฏิกิริยาอย่างไรก็ยังคงอยู่ในการควบคุม
  • 00:48:59
    ของคุณจะมาแนวของปรัชญาสอีกระดับนึงนะ ครับแต่ตรงนี้มันเป็นอะไรที่สำคัญมาก
  • 00:49:05
    เพราะสุดท้ายแล้วคุณยังต้องเข้าใจด้วยว่า อะไรอะไรก็จะมีความหมายเพียงเพราะคุณให้
  • 00:49:10
    ความหมายกับมันเท่านั้นเลยเวลาที่ผู้ชัก จูงดูถูกคุณหรือตะโกนด่าคุณอย่างเกรี้ยว
  • 00:49:16
    กราดมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะตัดสินว่า สถานการณ์นั้นมีผลอย่างไรกับคุณผมจะ
  • 00:49:21
    เปรียบเทียบแบบนี้นะครับเขาบอกว่าจิตใจ ของเราเวลาต้องรับมือกับสิ่งไม่ดีจากผู้
  • 00:49:28
    อื่นจะมีอยู่ 3 แบบแบบที่ 1 คือก้อนหิน แบบที่ 2 คือทรายและแบบที่ 3 คือน้ำครับ
  • 00:49:35
    หากมีใครสักคนนึงมาเอามีดกรีดจิตใจของคน ที่เป็นก้อนหินรอยมีดนั้นก็จะอยู่อย่าง
  • 00:49:41
    นั้นตาบนานเท่านานแต่ถ้าหากจิตใจของคนๆ นั้นเป็นทรายมันอาจจะมีรอยแผลอยู่สักพัก
  • 00:49:48
    นึงแต่เมื่อสายลมแห่งอภัยพัดมารอยมีดนั้น ก็จะหายไปแต่ถ้าจิตใจของคุณเป็นดั่งน้ำ
  • 00:49:56
    เมื่อผมกรีดมีดลงไปไม่ถึงวินาทีรอยมีด นั้นจะหายไปเลยจงเป็นดั่งน้ำนั่นเองครับ
  • 00:50:04
    การที่คุณเป็นดั่งน้ำจะทำให้คุณมีอำนาจ เหนือกว่าในการตอบโต้ของคนที่พยายามมาทำ
  • 00:50:11
    ร้ายคุณ 3 วิธีสุดท้ายครับวิธีต่อไปก็คือ การกล้าแสดงออกหากคุณรู้สึกไม่พอใจแล้ว
  • 00:50:17
    คุณไม่แสดงออกอื้อหือนั่นแหละครับเป็น สิ่งที่นักชักจูงชอบมากเลยคนที่กล้าแสดง
  • 00:50:23
    ออกเวลาไม่พอใจหรือรู้สึกว่าอีกสิ่งที่ อีกฝ่ายทำมันไม่ถูกต้องกล้าพูดออกไปครับ
  • 00:50:29
    หรือจะพูดตัวต่อตัวก็ได้ว่าผมไม่พอใจสิ่ง ที่คุณทำนะสิ่งที่คุณทำเนี่ยมันอาจจะทำ
  • 00:50:33
    ให้เกิดผลเสียแบบนั้นแบบนี้สื่อสารครับ การกล้าแสดงออกหมายถึงมีทักษะในการสื่อ
  • 00:50:39
    สารกับทั้งคนที่ปกติหรือคนที่ก้าวเร้าคน เหล่านี้ครับจะไม่ปล่อยให้ความโกรธหรือ
  • 00:50:45
    ความกลัวปิดกั้นต่อการทำความเข้าใจถึง ความต้องการของอีกฝ่ายเวลาที่ต้องรับมือ
  • 00:50:50
    กับคนที่ก้าวเร้าดังนั้นกล้าแสดงออกครับ คุณไม่จำเป็นต้องเก็บกฎความรู้สึกไว้ขนาด
  • 00:50:56
    นั้นนั้นหากไม่พอใจอะไรเรียกเขามาคุยก็ ได้วิธีต่อไปครับให้อาหารตัวเองอาหารที่
  • 00:51:03
    แปลว่าฟู้ดนั่นเองครับคือเขาบอกเลยว่า อาหารจริงๆแล้วมันมีผลกับจิตใจของคุณกว่า
  • 00:51:08
    ที่คุณคิดเวลาที่เราขาดอาหารที่สมบูรณ์ หรือขาดสมดุลทางอาหารคุณจะรู้สึกหงุดหงิด
  • 00:51:15
    งุนง่านเกลี้ยวกราดได้ง่ายแล้วคุณก็จะถูก ชักโจงได้ง่ายด้วยเาจึงบอกว่าการเลือก
  • 00:51:21
    อาหารให้ดีจะมีผลต่อสมองของคุณและความรู้ สึกความความสามารถในการควบคุมตัวเองมันก็
  • 00:51:28
    มาจากสมองและถ้าคุณไม่ดูแลอาหารสมองคุณก็ ไม่มีประสิทธิภาพและถ้าสมองคุณไม่มี
  • 00:51:34
    ประสิทธิภาพการควบคุมตัวเองก็ด้อย ประสิทธิภาพเช่นกันหนังสือเล่มนี้ได้
  • 00:51:38
    เขียนไว้เลยครับพยายามบริโภคคาร์โบไฮเดรต ที่ไม่ได้แปลรูปคุณต้องใช้คาร์โบไฮเดรต
  • 00:51:44
    แต่ก็อย่ากินมันมากเกินไปด้วยเช่นกัน อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ป้องกัน
  • 00:51:48
    อาการซึมเศร้าได้นักวิทยาศาสตร์บางคนก็ เห็นเลยว่าการกินปลามากขึ้นช่วยเพิ่มความ
  • 00:51:53
    เชื่อมั่นในตัวเองแก่คุณได้ซึ่งวิธีนี้ผม จะไม่ลงลึกนะครับเรื่องอาหารเพราะว่าผม
  • 00:51:58
    เคยพูดไว้ในคลิปก่อนๆแต่อย่างอาหารครับ เชื่อมั้ยครับถ้าคุณผู้ฟังมีอาหารมาวาง
  • 00:52:05
    อยู่ตรงหน้าคุณแยกออกว่าอาหารแบบไหนมี ประโยชน์กับคุณทุกท่านแยกออกครับอาหารที่
  • 00:52:10
    ไม่ดีก็น้ำตาลมากเกินไปคาเฟอีนมากเกินไป แอลกอฮอล์ปริมาณสูงเกินไปมันมีผลต่อความ
  • 00:52:17
    เชื่อมั่นในตัวเองของคุณครับดังนั้นดูแล อาหารของคุณแล้วคุณก็จะมีความสุขเป็นผล
  • 00:52:24
    ตอบ แทนข้อสุดท้ายครับจงงอยู่ได้ด้วยตัวเอง
  • 00:52:29
    ครับคุณต้องอยู่ได้ด้วยตัวเองใครก็ตามที่ กลัวความโดดเดี่ยวไม่สามารถอยู่กับตัวเอง
  • 00:52:35
    ให้มีความสุขได้มันก็มีแนวโน้มที่คุณจะ กลายเป็นอีกคนนึงที่ถูกต้มตุ๋นหรือถูก
  • 00:52:40
    หลอกได้ง่ายดังนั้นคุณควบคุมชีวิตของคุณ ได้ด้วยการแยกเวลาของคุณออกจากเวลาที่
  • 00:52:47
    ต้องอยู่กับผู้อื่นมันโอเคครับที่จะดูแล ครอบครัวเพื่อนหรือคู่ของคุณแต่สุดท้าย
  • 00:52:52
    แล้วถ้าคุณปล่อยให้พวกเขามีเวลาทั้งหมด ของคุณคุณจะสูญเสียการควบคุมชีวิตของคุณ
  • 00:52:57
    โดยไม่รู้ตัวและอัตลักษณ์ของคุณก็จะเรือน หายไปครับจัดเวลาไว้สำหรับตัวคุณเองและดู
  • 00:53:04
    ให้แน่ใจว่าทุกคนต้องเคารพขอบเขตเวลาของ คุณคุณต้องวัดขอบเขตส่วนตัวที่ชัดเจนนั่น
  • 00:53:09
    เองเพื่อเรียนรู้ที่จะบอกว่าไม่ต่อผู้ อื่นด้วยเวลาที่ใครคนนึงขอให้คุณทำอะไร
  • 00:53:14
    บางอย่างขอให้ประเมินคำขอนั้นด้วยสติครับ ถ้ามันไม่เพิ่มคุณค่าให้กับเวลาและชีวิต
  • 00:53:20
    ของคุณก็ปฏิเสธไปคนที่ชอบชักจูงจะต้องการ ให้คุณกลายเป็นเด็กรับใช้ดังนั้นสรุปได้
  • 00:53:26
    เลยครับหากคุณเจอคำขอหรือเจอการชักจูงใด ที่คุณรู้แล้วว่ามันไม่ได้เพิ่มคุณค่า
  • 00:53:31
    เวลาและชีวิตของคุณปฏิเสธครับเท่านั้นเลย ครับนี่ก็คือส่วนแรกของหนังสือ The Dark
  • 00:53:38
    psychology ที่ผมนำมาสรุปให้คุณผู้ฟังนะ ครับในบทต่อไปจะยังมีเรื่องการชักจูงและ
  • 00:53:42
    จิตวิทยาด้านมืดต่อแต่ในบทนี้ผมเชื่อว่า คุณผู้ฟังเข้าใจเรื่องของอีกด้านหนึ่งที่
  • 00:53:48
    เป็นด้านมืดของมนุษย์ย้ำอีกครั้งนะครับ เราทุกคนมีสิ่งนี้อยู่ในตัวอยู่ที่ว่าเรา
  • 00:53:53
    จะควบคุมมันได้หรือไม่และมันก็มีแนวโน้ม สูงมากที่คุณจะเจอคนที่ควบคุมจิตวิทยา
  • 00:53:58
    ด้านมืดของตัวเองไม่ได้เข้ามาอยู่ในชีวิต ประจำวันของคุณและบทเรียนในวันนี้ก็จะ
  • 00:54:03
    เป็นคู่มือที่ทำให้คุณผู้ฟังรับมือกับ สถานการณ์เหล่านั้นได้นั่นเองครับและเช่น
  • 00:54:08
    เคยครับหากคุณผู้ฟังฟังมาถึงตงนี้เรา ต้องการเรียนรู้ให้เต็มที่เกี่ยวกับจิต
  • 00:54:12
    วิทยาด้านมืดคุณผู้ฟังสามารถซื้อหนังสือ เล่มนี้ได้จาก the library Shop นะครับ
  • 00:54:16
    และเช่นเคยครับในวันนี้ได้เวลาอันสมควร แล้วครับวันนี้รู้สึกเป็นเกียรติและยินดี
  • 00:54:21
    อย่างยิ่งที่เราได้มาเรียนรู้จิตวิทยา ด้วยกันในวันนี้ทีมงาน The library และตัวผม
  • 00:54:25
    ไลอ้อน ยุวสินธู์ ขอไปก่อนครับขอให้วันนี้เป็นวัน ที่ยอดเยี่ยมของทุกท่านครับสวัสดีครับ
  • 00:54:33
    [เพลง]
  • 00:54:43
    [เพลง]
  • 00:54:56
    [เพลง]
Tags
  • Dark Psychology
  • จิตวิทยาด้านมืด
  • การชักจูง
  • พฤติกรรมด้านมืด
  • การตลาด
  • การควบคุม
  • การป้องกันตัว
  • การตระหนักรู้
  • บุคคลิกภาพ
  • การหลอกลวง